มารู้จักทรายกัน

ความหมายกว้าง เป็นแร่ธาตุที่ถูกบดให้มีลักษณะเล็กๆ ร่วน ไม่เกาะกันแน่น สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า 
ทรายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่ว่าจากในน้ำที่มาจากการไหลเวียนของน้ำ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ หรือจากความเป็นกรดและด่างของน้ำ ฯลฯ หรือแม้กระทั่ง กระแสลม ความร้อนเย็น น้ำฝนที่ไหลเซาะเข้าไปในรอยแตกตลอดจนการเคลื่อนที่ของธารน้ำแข็ง ก็จะทำหินแตกกลายเป็นทรายได้ หรือถูกพัดพามาจากที่อื่น โดยกระแสลมหรือกระแสน้ำ หรือทั้งสองอย่างรวมกัน
และทรายที่ใช้เป็นวัสดุหลักในงานก่อสร้างมี 3 ประเภทแบ่งตามลักษณะทราย
 
 
1.ทรายละเอียด 
ทรายละเอียด มีลักษณะเมล็ดแกร่งกลมเป็นแง่ สะอาดและปราศจากสารอินทรีย์หรือวัตถุอื่นเจือ ปนเป็นทรายเม็ดละเอียดมากนำมาใช้กับงานที่ ไม่ต้องใช้กำลังมากนักเหมาะสำหรับนำมาเป็นส่วนผสมของปูนฉาบผิวหน้าคอนกรีตงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ทำบัว ทำลวดลายต่างๆ ทำทรายบังเกอร์สนามกอล์ฟ และ ทำอิฐมวลเบา
 
 
2.ทรายหยาบ
ทรายหยาบ เป็นทรายเม็ดใหญ่ มีเหลี่ยม แง่มุม แข็งแรงดี เหมาะสำหรับใช้เป็นส่วนผสมของคอน กรีตที่ต้องการต้านทานกำลังสูงและมีน้ำหนักมาก เช่น โครงสร้าง สะพาน อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ฐานราก และ เขื่อนกั้นดิน  เป็นต้น
 
 
3.ทรายถม
ทรายถม จะมีสีเข้มและมีดินผสมอยู่ค่อนข้างมาก ไม่นิยมนำมาใช้เป็นทรายผสมปูนอะไร ส่วนใหญ่จะใช้งานสำหรับปรับพื้นก่อน เทพื้น ใส่ถุงกันน้ำท่วม ถมที่ และที่ใช้มากคือ ถมถนนเป็นต้น

ลานจอดรถราคาประหยัดด้วยหินคลุก และ บล็อคปลูกหญ้า

เราอาจจะนึกถึงลานจอดรถหินคลุกที่เป็นลานจอดรถชั่วคราวตามตลาดนัด หรือพื้นที่ก่อสร้างต่างๆ แต่จริง ๆ แล้วหินคลุกเป็นวัสดุที่ราคาย่อมเยาว์ หาซื้อได้ง่าย และหากนำมาใช้อย่างถูกวิธี จะได้พื้นลานจอดรถราคาประหยัด และทนทาน
 
 
เราอาจจะนึกถึงลานจอดรถหินคลุกที่เป็นลานจอดรถชั่วคราวตามตลาดนัด หรือพื้นที่ก่อสร้างต่างๆ แต่จริง ๆ แล้วหินคลุกเป็นวัสดุที่ราคาย่อมเยาว์ หาซื้อได้ง่าย และหากนำมาใช้อย่างถูกวิธี จะได้พื้นลานจอดรถราคาประหยัด และทนทาน
 
 
Grass Grid จะเป็นตัวเสริมแรงหน้าดิน เพื่อให้หน้าดินที่อ่อนนุ่มมีความแข็งแรง สามารถนำรถยนต์เคลื่อนผ่านโดยไม่เป็นรอยล้อรถ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเป็นแอ่งน้ำ 
หินคลุกและ Grass Grid ยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนระบบงานระบายน้ำเมื่อเทียบกับการทำพื้นทางคอนกรีตที่ไม่ซึมน้ำแบบเดิมๆ เพราะการทำพื้นลานจอดรถด้วยหินคลุก จะยังมีช่องว่างให้น้ำสามารถซึมผ่านลงสู่ชั้นดินได้อยู่
 

การถมดิน มีหลักการพิจารณาคือ

การถมดิน 
สิ่งที่ควรรู้ก่อนปลูกสร้างคือการปรับรากฐานให้มั่นคงและแข็งแรง คือการถมที่เป็นเรื่องอันดับต้นๆของการก่อสร้างเพราะหากถมที่ไม่ดีมีผลทำให้บ้าน หรือสิ่งก่อสร้างเกิดการทรุดตัวได้ในอนาคต เรื่องการถมดินนั้นก็มีรายละเอียดพอสมควร เพราะนอกจากการถมดิน ยังมีเรื่องประวัติที่ดิน ผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้อง หากใครคิดจะสร้างบ้านจำเป็นต้องศึกษาก่อนที่จะทำการถมดินโดยมีหลักพิจารณาง่ายๆ ดังนี้
 
 
หลักการพิจารณา
1.   ประวัติน้ำท่วม พิจารณาจากระดับสูงสุดที่น้ำเคยท่วมถึง
2.   เช็คระดับน้ำในท่อระบายน้ำสาธารณะ โดยติดต่อหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ  และถมดินให้สูงกว่าระดับดังกล่าวเพื่อให้น้ำในบ้านระบายออกได้
3.   ระดับดินแวดล้อม โดยทั่วไปมักถมสูงกว่าถนนประมาณ 50 - 80 ซม. โดยต้องให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับบริเวณโดยรอบ
4.  ไม่ควรถมดินสูงเกินไป เนื่องจาก
- พื้นลาดที่เชื่อมต่อระหว่างที่ดินกับถนนสาธารณะ จะมีความลาดชันมาก
- มีค่าใช้จ่ายสูง 
- ดินถมที่ระดับสูงกว่า 80 – 100 ซม. อาจเกิดแรงดันจนรั้วของสิ่งก่อสร้างเสียหายได้ (หากจำเป็นต้องทำควรปรึกษาวิศวกร)
5.หากเป็นการสร้างบ้าน การถมยกระดับดินที่ไม่สูงมาก อาจสร้างบ้านให้ได้พื้นในระดับที่ต้องการ พร้อมทำครีบกันดินให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงค่อยถมดินในภายหลัง วิธีนี้ช่วยให้ประหยัดดิน โดยสามารถนำดินที่ได้จากการเจาะเสาเข็มมาใช้ถมได้ด้วยเช่นกัน
 

ไอเดียทางเดินในสวนด้วยหิน

หากเรามีบ้านพักมีพื้นที่จำกัดแต่อยากให้มีมุมเล็กๆเพื่อความสวยงาม พักผ่อนยามเมื่อมีเวลา การมีสวนเล็กๆ ในพื้นที่จำกัดก็ยังเป็นที่นิยมสำหรับชาวเมือง นอกจากต้นไม้ ดอกไม้ การทำทางเดินภายในสวนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่น้อย เพราะสามารถเชื่อมองค์ประกอบต่างให้ลงตัวมากยิ่งขึ้นลองมาดูไอเดียต่างๆ เพื่อทำสวนเราให้สวยงามยิ่งขึ้น

1.เป็นไอเดียจากทางบ้านใช้หิน 1 หรือหินขนาด 3/4 ในการทำทางเดินในสวนกับ Dog's Paw (รอยเท้าน้องหมา) ก็ดูน่ารักลงตัวในพื้นที่เล็กๆบริเวณบ้าน#หมาเหม็น

2.ทางเดินด้วยหินเกล็ด มีแผ่นกระเบื้องและมีการปลูกต้นไผ่ระหว่างทางเดินก็สวยลงตัวเช่นกัน

3.โรยด้วยหินเกล็ด และใช้แผ่นปูนเปือยแผ่นใหญ่ พร้อมด้วยการปลูกต้นไม้ลักษณะเป็นพุ่ม

4.โรยด้วยหินเกล็ดและ หิน 2 หรือหินขนาด 1 นิ้วพร้อมกับการปลูกต้นไม้เล็กๆ สีสรรตามความชอบ  

โครงสร้างบ้านที่แข็งแรงควรเริ่มจากดินที่ดี

การสร้างบ้านให้โครงสร้างแข็งแรงได้นั้น ต้องเริ่มตั้งแต่การปรับระดับดินให้มีความแข็งแรง เพราะถ้าพื้นดินไม่แข็งแรง จะส่งผลระยะยาวทำให้บ้านทรุดตัวลงได้ จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด จากนั้นคือการลงเสาเข็ม คาน โครงสร้างของพื้น  และงานโครงสร้างหลังคา ซึ่งในปัจจุบันมักจะทำเป็นโครงเหล็กเชื่อมต่อกับเสา คานชั้นบนสุด และการมุงหลังคา เพื่อกันแดด กันฝน
 
 
การปรับระดับหน้าดินก่อนการสร้างบ้าน ให้ระดับดินมีความเหมาะสม เช่น การถมดิน และการขุด  ในที่นี้ เราจะมาพูดถึงการถมดิน ในการถมดินควรจะถมก่อนช่วงหน้าฝน เพื่อให้ฝนที่ตกลงมา ช่วยทำให้ดินที่ถมลงไปนั้นอัดแน่นขึ้น โดยการถมดิน จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
 
 
1. การถมแบบอัด เป็นการถมและอัดไปทีละขั้นตอน อาจใช้ทรายถม โดยส่วนมากจะถมให้มีความหนาชั้นละประมาณ ๒๐ - ๕๐ ซม. และบดอัดให้แน่นไปทีละชั้นเพื่อให้ดินมีความแข็งตัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเหมาะกับการสร้างบ้านแบบใช้ฐานรากแผ่ และ การถมที่ต้องการความสูงมาก ๆ มีการทรุดตัวน้อย แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
 
 
2. การถมแบบไม่อัด เป็นการถมให้เต็มในคราวเดียว แล้วค่อยบดอัดเฉพาะด้านหน้าผิวดิน เป็นวิธีการทั่วไปที่นิยมกัน เพราะเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน และยังมีความรวดเร็วกว่าการถมดินแบบอัด แต่ปัญหาคือถ้าดินที่นำมาถมนั้นยังเป็นโพรงอยู่ จะทำให้เกิดการทรุดตัวได้ง่าย ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะกับการถม ที่ไม่ต้องการความสูงมากนัก เพราะใช้เวลาไม่นาน 
 

9 ทริค รู้ไว้ก่อนสร้างสระว่ายน้ำ

ในปัจจุบันสระว่ายน้ำได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย เหมาะแก่การสร้างสระว่ายน้ำภายในตัวบ้านอย่างมาก เพราะนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบาย เพิ่มบรรยากาศบ้านให้ร่มรื่นแล้ว  ยังทำให้สมาชิกภายในบ้านได้ออกกำลังกาย และดับร้อน ประกอบกับสระว่ายน้ำในปัจจุบันมีราคาที่ไม่แพงมาก และสามารถดูแลรักษาได้ง่ายกว่าแต่ก่อน  KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย เรามี 9 ทริคเล็ก ๆ ก่อนสร้างสระว่ายน้ำมานำเสนอ
 
 
1. การสร้างสระว่ายน้ำให้อยู่ใกล้ตัวบ้าน นอกจากจะช่วยเพิ่มบรรยากาศร่มรื่นภายในบ้านแล้ว ยังเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องระวังเรื่องน้ำกระเด็นมาโดนตัวบ้าน จึงควรเลือกวัสดุปิดผิวที่กันน้ำ และกันลื่นได้ดี
 
 
2. ถ้ามีเด็กเล็ก ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ควรจะออกแบบราวกั้นกันตกสำหรับสระว่ายน้ำ
3. ตำแหน่งของสระว่ายน้ำควรออกแบบให้อยู่ในด้านทิศเหนือหรือตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้ร่มเงาของตัวอาคารช่วยป้องกันไม่ให้แสงแดดสะท้อนผิวน้ำเข้าไปรบกวนภายในบ้านได้
4. ระดับความลึกของสระว่ายน้ำสำหรับคนไทยเฉลี่ยจะสูงประมาณ 1.20-1.30 ซึ่งระดับของผิวน้ำจะสูงระดับเดียวกับหน้าอกของผู้ใช้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับส่วนสูงของเจ้าของบ้านเป็นหลัก
5. ขนาดสระว่ายน้ำควรมีสัดส่วนเหมาะสมกับปริมาณผู้ใช้งานหรือสมาชิกในบ้านแต่ละหลังด้วย
 
 
6. สำหรับบ้านที่มีพื้นที่น้อย สามารถสร้างสระว่ายน้ำขนาดเล็กแล้วติดเครื่องเจ็ทสำหรับว่ายทวนน้ำอยู่กับที่แทน
7. สามารถป้องกันเศษฝุ่น และเศษใบไม้ร่วงลงไปในสระได้ โดยการติดตั้งระบบผ้าใบที่สามารถเลื่อนปิดผิวสระน้ำหรือใช้เครื่องกลในการเลื่อน
8. ห้องเครื่องสำหรับเก็บปั๊ม และเครื่องกรองน้ำควรมีขนาดไม่น้อยกว่า 2.00 x 3.00 เมตร สูง 2.50 เมตร และห่างจากสระว่ายน้ำไม่เกิน 15 เมตร
9. ควรเลือกสีกระเบื้องที่ช่วยให้สระว่ายน้ำดูเป็นธรรมชาติได้แก่ สีฟ้า สีเทอคอยซ์ หรือสีเขียวแบบสีน้ำทะเล สามารถทำให้ผิวน้ำในสระสะท้อนเงาของตัวบ้านได้ชัดเจน
 
 

ซ่อมหญ้าง่าย ๆ ด้วยทรายหยาบ

เนื่องด้วยช่วงนี้เป็นฤดูฝน หลาย ๆ บ้านอาจประสบปัญหาสนามหญ้าเกิดน้ำขังเป็นแอ่ง ทำให้หญ้าตายเป็นหย่อม ๆ หรืออาจเกิดจากการใช้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นประจำ และเกิดจากดินทรุดตัว จะทำให้หญ้าเกิดเป็นหลุมเห็นโคนราก เวลาตัดหญ้าจะไม่สวย ขึ้นไม่สม่ำเสมอกัน

ทาง KG จึงมีวิธีซ่อมหญ้าเบื้องต้นมาฝากกันค่ะ
หากบริเวณที่หญ้าตายเป็นหย่อมมีขนาดไม่ใหญ่มาก อาจใช้วิธีการโรย #ทรายหยาบ ลงบริเวณหลุมเเล้วเกลี่ยไปรอบๆ โดยยังคงให้ปลายหญ้าเดิมโพล่ขึ้นมาเล็กน้อย หรือ อาจจะใช้น้ำฉีดเพื่อช่วยให้ทรายหยาบกระจายไปบริเวณที่ต่ำกว่าได้ดีขึ้น
 
 
หรือในกรณีที่หญ้าตายเป็นหลุมขนาดใหญ่ อาจจะต้องขุดหน้าดินบริเวณรอบ ๆ ส่วนที่แหว่งให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมลึกลงไปประมาณ 5 เซนติเมตร และปรับที่ให้เรียบด้วยทรายหยาบหรือหน้าดิน จากนั้นนำแผ่นหญ้าใหม่ที่มีขนาดเท่ากันมาปะแทนที่
 
 
และสิ่งสำคัญหลังจากโรยทรายหยาบหรือเปลี่ยนหญ้า ช่วงแรกควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะทรายหยาบสามารถระบายน้ำได้ดีทำให้หญ้าแตกรากได้ไวขึ้น ปัญหารากเน่าจากน้ำขังก็จะน้อยลง เพียงเท่านี้สนามหญ้าก็กลับมาสวยเหมือนเดิมแล้วค่ะ
 

3 Step ง่าย ๆ ทำกระสอบทรายกั้นน้ำที่คุณไม่ควรพลาด

ในช่วงนี้เกิดฝนตก น้ำท่วม หลาย ๆ บ้านที่เป็นเขตพื้นที่เสี่ยงภัยหรือจุดที่น้ำขังบ่อย ๆ อาจประสบปัญหามีน้ำเอ่อล้นเข้าบ้าน ทำให้เกิดน้ำท่วมในที่สุด แม้จะเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็สามารถป้องกันน้ำท่วมเข้าบ้าน เพื่อลดความเสียหายมี่อาจเกิดขึ้นได้ วันนี้ทาง KG ศูนย์​ค้าส่ง​ หิน​ ดิน​ ทราย​ เลยขอเสนอวิธีทำกระสอบทรายกั้นน้ำท่วม สำหรับป้องกันน้ำเข้าบ้านเบื้องต้นมาฝากกัน
 
 
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม มีดังต่อไปนี้
-ทราย : ทรายหยาบ เพราะ มีคุณสมบัติกักเก็บน้ำได้ดี เหมาะแก่การนำมาทำกระสอบทรายกั้นน้ำ
-ถุงกระสอบ
-พลั่วตักดิน
-เชือกฟาง
 
 
วิธีทำ
1.ใช้พลั่วตักทรายหยาบใส่ลงในกระสอบประมาณครึ่ง​ถุง​ มัดปากถุงให้แน่น​ อย่าผูกต่ำเกินไป และอย่าใส่ทรายให้เต็ม
​2.วางกระสอบทรายในแนวนอนหรือขนานไปกับทางน้ำไหล​ โดยหันปากถุงเข้าหาพื้นที่แห้ง​
​3.จัดเรียงชั้นกระสอบทรายเป็นทรงสามเหลี่ยมพีระมิด​ โดยทำฐานให้กว้างกว่าความสูง​ 3 ​เท่า​และวางแนวกระสอบทรายห่างจากผนังบ้านหรืออาคารอย่างน้อย ​2-5​ เมตร​ เพื่อป้องกันโครงสร้างบ้านเสียหายและสังเกต​รอยรั่วได้ง่าย ๆ
 
 
 

วิธีการทำให้ได้ลานจอดรถที่แข็งแรงโดยไม่ต้องใช้วัสดุราคาแพง

ในปัจจุบันการทำลานจอดรถด้วยหินเป็นที่นิยมสำหรับบ้านที่มีงบจำกัด เพราะหินมีราคาที่ถูกกว่าปูน อีกทั้งลานจอดรถที่ทำจากหินก็ยังแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน และไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำขัง เพราะสามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ทาง KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย จึงมีวิธีทำลานจอดรถด้วย #หินเกล็ด มาฝากกัน
 
 
สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีพื้นที่เดิมเป็นดิน และเพื่อป้องกันไม่ให้ดินจมลงไป อยากหาวัสดุที่ไม่แพงมาก อาจจะใช้ตะข่ายกรงไก่รองดินก่อน และใช้ตะขอล็อคหลังคา ตอกกับพื้นเพื่อกันไม่ให้ตะข่ายเคลื่อนที่
 
 
จากนั้นเทหินเกล็ดตามลงไป และเกลี่ยให้เท่ากัน ข้อดีของหินเกล็ด คือ ไม่ค่อยมีฝุ่น สามารถคลายความร้อนได้ดี และเมื่อฝนตก น้ำจะไม่ขังเป็นแอ่ง
 
 
ล้างหินด้วยน้ำ เพื่อชำระฝุ่นที่ติดมากับหินออกให้หมด
 
 
นำจอบมาตบหิน ควรตบตอนที่หินเปียก เพื่อให้หินแน่นวางตัวเป็นระเบียบมากขึ้น เพียงเท่านี้ ก็ได้ลานจอดรถที่สวยงามและราคาย่อมเยาว์แล้วค่ะ
 
 
ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก TheBabyboom และ Coregravel

ทำกำแพงกันดินอย่างไรให้แข็งแรง

เมื่อต้องการจะแบ่งพื้นที่ระหว่างที่ที่มีผู้ครอบครอง ไม่ให้หน้าดินตกไปยังพื้นที่ส่วนอื่น สิ่งสำคัญที่จะนึกถึงเลยก็คือ กำแพงกันดิน หรือที่เรียกกว่า Retaining Wall  กำแพงกันดินนั้น นอกจากจะช่วยกันดินสมชื่อแล้ว ยังช่วยป้องกันความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน หรือพื้นที่ส่วนรวมได้ด้วย ทั้งยังรักษาให้พื้นดินมีสภาพที่คงทน
 
 
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของดินในแต่ละพื้นที่ด้วย หากเป็นดินถมใหม่ จำเป็นอย่างยิงที่จะต้องทำกำแพงกันดิน เพราะจะสามารถรองรับการสร้างรั้วคอนกรีตสำเร็จรูปได้ดีอีกด้วย
 
 
วัสดุที่ใช้ถมด้านหลังกำแพงกันดินเรียกว่า Backfill จะต้องเป็นวัสดุเม็ดหยาบที่มีความซึมผ่านสูงเช่น ทรายหยาบ กรวด หรือหินบด เพราะจะต้องคำนึงถึงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งจะเป็นตัวเพิ่มความดันด้านข้างต่อกำแพงกันดิน
 
 
กำแพงต้องมีเสถียรภาพภายนอก (External stability) ต้องตั้งดิ่งในตำแหน่งเดิม และต้องมีเสถียรภาพภายใน โดยต้องมีความสามารถต้านความเค้นที่เกิดขึ้นภายใน ทั้งนี้อาจต้องใช้วิศวกรที่ชำนาญในการแนะนำเพิ่มเติมด้วยค่ะ
 
ขอบคุณบทความที่ดี จาก Eoncrete และ รูปภาพสวย ๆ จาก siamnamrin

วิธีตกแต่งบ้านลอฟท์ในราคาที่ประหยัด

การตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ เป็นการตกแต่งที่ไม่หรูหรา เน้นสไตล์ดิบ เป็นการโชว์พื้นผิวของวัสดุอย่างเต็มที่ เพราะจุดเด่นของบ้านสไตล์ลอฟท์ เป็นการนำวัตถุดิบที่หลงเหลืออยู่มาดัดแปลง ให้เกิดความแปลกใหม่ และยังดูเรียบง่าย
 
 
ในปัจจุบันการตกแต่งลอฟท์เป็นที่นิยมในการตกแต่ง ร้านอาหาร คาเฟ่ บ้าน หรือคอนโด การตกแต่งบ้านลอฟท์ มีการใช้ปูนที่มีส่วนผสมของ #ทรายละเอียด ปูนเปลือย ปูนขัดมัน หรือผนังอิฐมอญ
 
 
สามารถใช้โคมไฟ และเฟอร์นิเจอร์ในการช่วยตกแต่งบ้านให้ดูเป็นสไตล์โมเดิร์นลอฟท์มากยิ่งขึ้น
ควรใช้โคมไฟที่ไม่สว่างมากจนเกินไป หลอดไฟที่ใช้ควรเป็นสีส้ม และตัวเฟอร์นิเจอร์ไม่เด่นมากจนเกินไป ให้สามารถ Mix and Match ให้เหมาะสมได้ จะช่วยดึงบรรยากาศให้เป็นลอฟท์มากยิ่งขึ้น
 

ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจทำพื้นกรวดล้างทรายล้าง

พื้นกรวดล้าง ทรายล้างเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในการทำพื้นบริเวณนอกบ้าน ลานจอดรถ บริเวณรอบสระว่ายน้ำ หรือพื้นที่เปียกต่าง ๆ แต่จะให้เลือกใช้วัสดุ สี หรือขนาด คงนึกไม่ออก KG จึงจะขอนำเสนอความรู้เกี่ยวกับกรวดล้าง ทรายล้าง ถึงวัสดุที่นำมาใช้ ความแตกต่าง ข้อดีข้อเสีย รวมไปถึงการนำมาใช้กันนะคะ
 
 
กรวดล้าง ทรายล้าง คือ หิน-กรวด-ทราย นำมาผสมกับปูนซีเมนต์ขาว นำมาปูพื้น หรือฉาบผนัง แล้วจึงทำการล้างคราบของซีเมนต์ออก เพื่อเผยให้เห็นผิวสัมผัสของหินธรรมชาติ สามารถเลือกขนาดของหินได้ตามต้องการ ปกติแล้วถ้านำมาใช้สำหรับงานพื้นจะอยู่ที่เบอร์ 5 ส่วนสำหรับงานผนังจะอยู่ที่เบอร์ 6 นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ สำหรับเพิ่มความสวยงามอย่าง สีผสมซีเมนต์ เปลือกหอย หรือเศษกระจก การใช้งานส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้ภายนอก เพราะด้วยพิ้นผิวสัมผัสที่หยาบกันลื่นได้ดี จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ตรงบริเวณพื้นที่เปียก หรือบริเวณลานจอดรถ
 
 
ข้อดีข้อเสีย
ข้อดี : มีความแข็งแกร่งทนทาน ผิวสัมผัสหยาบป้องกันการลื่นได้ดี สามารถสร้างสรรค์ลวดลาย สีสันเป็นเอกลักษณ์ได้ไม่จำกัด 
ข้อเสีย :  เนื่องจากกรวดล้าง ทรายล้าง มีร่องมากจึงยากต่อการทำความสะอาด เนื่องจากเชื้อรา ตะไคร่น้ำ หรือมีของเหลวบางชนิดหกใส่อย่างเช่น น้ำมันเครื่อง ทำให้เกิดคราบสกปรกฝังตัวลึก ส่งผลให้พื้นดูเก่าเร็วมากยิ่งขึ้น
 
 
ความแตกต่างระหว่างกรวดล้างและทรายล้าง
ทั้งสองประเภทมีขั้นตอนการทำที่เหมือนกัน ต่างกันที่วัสดุตั้งต้น เช่น ทรายเม็ด หรือหินกรวด ซึ่งกรวดล้าง มีแหล่งที่มาจากทะเล รูปทรงมีลักษณะก้อนกลมมน และมีสีที่แตกต่างกันหลากหลายสี เช่น น้ำตาลนวล เหลืองเข้ม เหลืองอ่อน ขาว เทา ดำ ส่วนทรายล้าง มีแหล่งที่มาจากน้ำจืด รูปทรงมีลักษณะเป็นเกร็ดละเอียด มีขนาดและสีให้เลือกใช้เพียงแบบเดียวคือ สีน้ำตาลแดงเหมือนทรายทั่วไป
 
 
ข้อควรรู้ก่อนทำกรวดล้าง ทรายล้าง
ขั้นตอนในการล้างคราบซีเมนต์ ให้นำกรดเกลือมาผสมให้เจือจางก่อน แล้วจึงเทล้างคราบปูนซีเมนต์บนทรายล้างให้ดูมีสีสันสดใสสวยงาม หากไม่ผสมให้เจือจางจะทำให้ปูนซีเมนต์ และทรายล้างหลุดออกมาเยอะ  จากนั้นเคลือบผิวด้วยน้ำยาป้องกันตะไคร่น้ำ และเชื้อรา รวมถึงสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด
ไม่ว่าจะทำลวดลายรูปแบบไหน หรือขนาดไหนก็ตาม ทั้งพื้น และผนัง ควรมีเส้นแบ่งพื้นที่ที่ทำจากวัสดุทองเหลือง อลูมิเนียม หรือพีวีซี (PVC) เพราะเมื่อเกิดรอยร้าวมักจะเกิดตามเส้นที่แบ่งไว้ เวลาซ่อมแซมก็จะซ่อมเฉพาะบริเวณที่เสียหายตามพื้นที่ที่แบ่งไว้ ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น
 
 
งบประมาณในการทำกรวดล้าง ทรายล้าง
ราคาของกรวดล้าง ทรายล้างจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณหินล้าง ปริมาณทรายล้าง และชนิดของหินล้างที่เลือกใช้ โดยการทำนั้นจะแบ่งเป็นเหมาค่าแรงเพียงอย่างเดียว หรือรวมเหมาค่าแรง+ค่าของ ขึ้นอยู่กับการคุยตกลงกัน โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 180-600 บาทต่อตารางเมตร 
 
จากข้อมูลความรู้เบื้องต้นสามารถช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้วัสดุ ขนาด สีได้ตามความต้องการกันแล้ว ครั้งหน้า KG จะนำข้อมูลขั้นตอนการทำพื้นกรวดล้าง ทรายล้าง มาฝากสำหรับใครก็ตามที่มีความต้องการทำพื้นสำหรับภายนอกด้วยกรวดล้าง ทรายล้างกันนะคะ
 
 

ขั้นตอนการทำพื้นกรวดล้างอย่างง่ายด้วยตนเอง

พื้นกรวดล้าง ทรายล้างแบบง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถทำเองได้ โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่จะนิยมจ้างช่างผู้รับเหมามาทำพื้น  KG มีวิธีทำพื้นกรวดล้างมาฝากกันค่ะ หรือหากใครจ้างผู้รับเหมามาทำ KG ก็มีแนวทางการตรวจสอบสำหรับรับงานมาบอกกันด้วยนะคะ
 
 
พื้นกรวดล้าง ทรายล้าง หินล้าง เรียกต่างกันตามวัสดุที่นำมาผสมกับปูนซีเมนต์แล้วหล่อเทลงไปในแบบ มีสีสัน ขนาดของหิน และกรวดให้เลือกมากมาย มีผิวหยาบ และขรุขระ ไม่ลื่น ทนต่อทุกสภาวะอากาศ ทำให้เหมาะสำหรับทำเป็นพื้นภายนอก อีกทั้งยังสามารถรับน้ำหนักได้เหมือนพื้นปูนซีเมนต์จึงสามารถเอาไปทำพื้นที่จอดรถได้ ที่สำคัญค่าใช้จ่าย และค่าแรงถูกกว่าการปูกระเบื้องด้วย โดยมีขั้นตอนการทำงานดังนี้
 
 
ก่อนเริ่มงานให้ขอดูแบบจากผู้รับเหมา นำมาเทียบกับสถานที่จริง เมื่อทุกอย่างถูกต้องแล้วจึงอนุมัติให้ผู้รับเหมาเริ่มงานได้เริ่มต้นจากการปรับระดับพื้นให้เรียบ แบ่งพื้นที่เป็นช่องเล็ก ๆ ไม่เกินช่องละ 4 ตารางเมตร ป้องกันการแตกร้าว ซึ่งมีอีก 2 วิธีที่นิยมทำกัน คือ การฝังเส้น ใช้วัสดุหน้าตัดรูปตัว T ตั้งเส้นแบ่งแนว ใช้ปูนซีเมนท์เทาผสม #ทรายหยาบ ปาดด้านข้าง ทิ้งไว้ 24 ชม. จึงเทกรวดล้าง  และการชักร่อง ใช้ไม้แนวหน้าตัดรูปสี่เหลี่ยมคางหมู นำไม้แนววางลงปูนซีเมนต์ขาวผสมน้ำเป็นตัวยึดไม้ แล้วเทส่วนผสมกรวดล้างลงไป รอ 24 ชั่วโมง จึงดึงไม้แนวออก
 
 
หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการหล่อเทกรวดล้าง ด้วยการผสมกรวดกับปูนซีเมนต์ #ทรายละเอียด สีฝุ่น เทลงในช่องที่แบ่งไว้ตามแบบ เกลี่ยส่วนผสมให้เต็ม แล้วใช้ไม้สามเหลี่ยมปาดให้เรียบให้ได้ระดับเท่ากัน แล้วนำปูนซีเมนต์แบบไม่ผสมโรย ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วจึงล้างกรวด ทิ้งให้ปูนเซ็ตตัวประมาณครึ่งชั่วโมง โดยปูนต้องไม่แข็งเกินไป หรือนิ่มเกินไป เมื่อปูนได้ที่ให้ใช้แปรงสลัดน้ำ ปัด และเช็ดน้ำปูนออก ซึ่งเราสามารถตรวจรับงานได้ โดยดูจากระดับพื้นผิวจะต้องเรียบ ถ้าใช้ฝังเส้น เส้นต้องเรียบเสมอ ไม่เอียง ถ้าใช้ชักร่อง ต้องเก็บรายละเอียดร่อง ดูความสวยงามของกรวดล้าง ช่างควรทำความสะอาด และเคลียร์พื้นที่รอบ ๆ ให้เรียบร้อยก่อนตรวจรับงาน
 
 
ทั้งหมดนั้นเป็นขั้นตอนการทำพื้นกรวดล้าง ทรายล้าง ซึ่งหากใครอยากได้พื้นลายหินสวย ๆ ภายในบ้าน สามารถทำเป็นพื้นหินขัดที่เคลือบผิวมันก็ดูสวยงามไปอีกแบบค่ะ แต่ขั้นตอนก็จะมีความยุ่งยากมากขึ้น และควรจ้างช่างผู้รับเหมามาทำ เพื่อให้งานออกมาสวยงามที่สุด ลองเลือกพื้นหินกันได้ตามความชอบเลยนะคะ
 
CR : baania.com

6 ไอเดียจัดสวนเซนง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถทำเองได้

เราจะพูดถึงสวนหินญี่ปุ่นกันค่ะ ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 แบบ สวนนี้มีที่มาจากศาสนาพุทธนิกายเซน สายรินไซค่ะ มีลักษณะเด่นคือการได้เห็นวิวจากการจัดวางหิน ทรายขาว พืชจำพวกมอส และต้นไม้ ก้อนหิน เนินดินแทนภูเขาอยู่กลางทรายขาวนั้นเปรียบเหมือนสายน้ำ สวนเซนที่แต่งอย่างถูกหลักช่วยให้เกิดสมาธิ และความสงบ เราลองมาดูไอเดียในการแต่งสวนเซนกันเลยดีกว่านะคะ  

1. สวนหินเซน
การจัดสวนแบบเซนควรเป็นที่ส่วนตัวมองเห็นจากภายในบ้าน หรือมุมระเบียงบ้าน เลือกพื้นที่เริ่มขุดดินลึกจากพื้นเดิมประมาณ 4 นิ้ว ปรับให้แน่นแล้วเทหินจากนั้นนำหินจัดวางตามที่ต้องการแล้วจึงเทหินกรวด จากนั้นปลูกต้นไม้ แล้วจึงโรย และเกลี่ยหินกรวด ใช้คราดลากให้เกิดลวดลายต่าง ๆ ตามต้องการ
 
 
 
2. สวนหินมัลติคัลเลอร์
ให้ใช้หิน หรือทรายที่มีสีต่างกัน โดยทำขอบกั้นช่องเทหินให้มีลวดลายตามต้องการ ใช้สีอ่อนสลับสีเข้ม ไม่ควรใช้หินสีเข้มเยอะจะทำให้สวนดูหนัก หากเป็นสวนในร่ม ใช้ #ทรายละเอียด แทนก้อนหินจะได้ลายเส้นสวยราวสายน้ำ
 
 
3. สวนหินยามค่ำคืน
สวนหินยามค่ำคืน ให้เพิ่มหลอดไฟ หรือตะเกียงญี่ปุ่นในการแต่งสวน โดยใช้แสง Warm มองแล้วสบายตา เน้นทิศทางให้แสงลงพื้น จะช่วยให้ลายเส้นหินกรวดชัดขึ้น ใช้หลอดไฟที่มีแผงโซล่าเซลล์ช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย
 
 
4. สวนหินมินิมอล
สวนหินแบบมินิมอล วิธีทำง่าย ๆ วางก้อนหินไม่เกิน 3 ก้อน เน้นให้มีพื้นที่สวนกว้าง ๆ ใช้หิน หรือทรายสีอ่อนเป็นพื้น โดยไม่ต้องตกแต่งด้วยรูปปั้น โคมไฟ หรือต้นไม้ใด ๆ ทำให้ดูสะอาดตา เข้าได้กับทั้งบ้านสไตล์ญี่ปุ่นและบ้านแบบโมเดิร์นค่ะ
 
 
5. สวนหินประเภทมีนำ้และไม่มีนำ้
โดยทั่วไปสวนหินแบบเซน จะเป็นสวนหินที่ไม่มีธาตุน้ำ แต่ใช้หินกรวดแทน เราสามารถเอาน้ำมาวางได้ค่ะ อาจเป็นกระถางเล็ก ๆ หรือน้ำพุก็ได้ค่ะ หากไม่อยากดูแลรักษาก็ให้ตัดระบบน้ำออกไป แล้วจำลองเป็นสวนหินแบบแห้ง โดยใช้หินแทนน้ำได้ค่ะ
 
 
6. สวนหินกระถาง DIY
ให้คุณจัดสวนหินจำลองในกระถาง ซึ่งง่าย สะดวก ประหยัด โดยหาอุปกรณ์ที่มีในบ้าน หรือสั่งซื้อออนไลน์ก็ได้ค่ะ การจัดสวนกระถางก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ
 
 
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการทำสวนหินแบบเซนสามารถปรับให้เหมาะสมได้ตามความต้องการของเรา เนื่องจากสวนหินเปรียบได้กับศิลปะมีชีวิต ซึ่งช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้เกิดสมาธิ และยังเป็นกิจกรรมในครอบครัว หลายคนคงพอได้ไอเดียในการแต่งสวนกันนะคะ
 
CR : Baania
 

เรื่องควรรู้ของอิฐก่อสร้าง

อิฐ คือ หัวใจหลักของการก่อสร้าง  เป็นวัสดุที่ใช้กับงานในส่วนของผนังบ้าน รั้วบ้าน แต่อิฐนั้นมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย ที่ไม่เหมือนกัน แต่ละประเภทมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะกับงานแต่ละประเภท เรามาดูข้อมูลเกี่ยวกับอิฐแต่ละประเภทกันเลยดีกว่าค่ะ  

 
 
 
ประเภทที่ 1 อิฐมวลเบา หรือคอนกรีตมวลเบา 
เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยทำมาจากทราย ปูนขาว ยิปซั่ม ผงอลูมิเนียม น้ำสะอาด และสารกระจายฟองอากาศ ส่วนสำคัญ คือ ฟองอากาศเล็ก ๆ เป็นรูพรุนที่อยู่ในเนื้อวัสดุจำนวนมากประมาณ 75%  ทำให้อิฐมีน้ำหนักเบา ช่วยประหยัดโครงสร้าง ขนาดทั่วไป คือ กว้าง 20 ซม. X ยาว 60 ซม. มีหลายความหนา ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ข้อดีของอิฐมวลเบาจะมีน้ำหนักเบา เป็นฉนวนกันความร้อน ทนไฟ แข็งแรง รับแรงกดได้มาก ไม่เหมาะกับงานเจาะแขวน แต่มีราคาสูงกว่าอิฐประเภทอื่น อิฐมวลเบาเหมาะกับงานผนังของบ้าน หรือผนังทั่วไปภายในอาคาร หรือห้องที่ต้องการความเย็น สามารถเก็บเสียงได้ดี ต้องใช้พุกเฉพาะสำหรับงานเจาะแขวน รับน้ำหนักได้ถึง 35 กก. ช่างที่ก่อสร้างต้องมีประสบการณ์ และมีฝีมือ
 
 
 
ประเภทที่ 2 อิฐบล็อก หรือคอนกรีตบล็อก 
ผลิตมาในลักษณะอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะมีสีเทา ทำมาจากทรายหยาบ และซีเมนต์ ขนาดทั่วไป กว้าง 19 ซม. X ยาว 39 ซม. มีหลายความหนา ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ลดการถ่ายเทความร้อน สะดวก รวดเร็วในการก่อสร้าง เพราะอิฐมีขนาดใหญ่ และราคาถูก มีโอกาสรั่วซึมสูง รับแรงกดได้น้อยกว่า รับน้ำหนักเจาะแขวนมาก ๆ ไม่ได้ ไม่เหมาะกับงานเจาะผนัง เพื่อยึดติดอุปกรณ์ เปราะง่าย เหมาะสำหรับงานก่อผนังอาคารทั่วไป หรือก่อสร้างอาคาร โกดัง โรงงาน ประหยัดงบประมาณ และงานเสร็จเร็ว
 
 
 
ประเภทที่ 3 อิฐมอญ หรืออิฐแดง 
วัสดุก่อสร้างแบบธรรมชาติที่ใช้กันมานาน หาง่าย มีสีแดง ทำมาจากทราย ดินเหนียว ขี้เถ้าแกลบ และน้ำสะอาด โดยนำดินเหนียวมาเผา เพื่อให้วัสดุคงรูป แข็งแรง อิฐมอญคงทนต่อทุกสภาพอากาศได้ดี แข็งแรงทนทาน แต่จะสะสมความร้อน จึงทำให้ผนังบ้านร้อน ทางแก้ คือ ก่ออิฐมอญแบบ 2 ชั้น เป็นฉนวนกันเสียงได้น้อยกว่าอิฐมวลเบา ก้อนเล็ก ใช้เวลาก่อสร้างนาน จึงทำให้ค่าแรงสูง เหมาะสำหรับงานผนังภายนอก ยังนำมาใช้สำหรับเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น งานเจาะช่องประตู หน้าต่าง หรือปิดช่องแคบ ๆ โดยไม่ต้องตัดอิฐให้เหลือเศษอีกด้วย
 
 
หลังจากทราบความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย ของอิฐแต่ละประเภทกันไปแล้ว หลายคนคงจะสามารถเลือกใช้อิฐแต่ละประเภทได้เหมาะสมกับการใช้งานกันแล้วนะคะ
 
 

เกร็ดความรู้ในการว่าจ้างผู้รับเหมาถมดิน

สิ่งสำคัญในการสร้างบ้านใหม่ คือ การถมดิน ยิ่งถมดินสูง ค่าถมดิน ค่ากำแพงกันดิน ค่ารั้ว จะปรับไปตามระดับความสูงของดิน ดังนั้นก่อนตัดสินใจถมดินควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้  

 
 
1. ประเภทของดินที่ถม
ดินลูกรัง เหมาะสำหรับทำถนน ผิวหน้าดิน เหมาะสำหรับถมเพื่อปลูกต้นไม้ ดินเหนียว นิยมนำมาถมเพราะหาได้ง่าย ดินทราย เหมาะสำหรับถมในโครงการจัดสรร และดินผสมอิฐหัก เหมาะสำหรับนำมาถมทำถนน 
 
 
 
 
2. ควรถมดินก่อน หรือหลังสร้างบ้าน
การถมดินก่อนสร้างบ้าน จะง่ายต่อการก่อสร้าง เพราะระหว่างการก่อสร้างดินจะทรุดตัวระดับหนึ่ง ซึ่งจะสามารถปรับระดับดินได้ตามต้องการ ส่วนการถมดินหลังการสร้างบ้าน เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยยกพื้นบ้านให้สูง แล้วจึงถมดินบริเวณโดยรอบ 
 
 
 
 
3. วิธีการถมดินที่ทำให้ดินเกิดการทรุดตัวน้อยลง
กรณีที่ดินเดิมมีอินทรีย์วัตถุ ควรลอกดินเลน วัชพืชออกก่อน ปล่อยให้แห้งแล้วจึงถมดิน กรณีพื้นที่แห้ง ให้ถางพืชออก แล้วค่อยถมดิน สำหรับที่ดินมีบริเวณกว้างมาก ควรถมดินเป็นขั้นบันได เพื่อป้องกันดินไหล ในระหว่างการถมดิน จำเป็นต้องบดอัดดิน เพื่อป้องกันปัญหาโพรงอากาศในดิน
 
 
 
 
4. ขั้นตอนการถมดิน
เริ่มต้นคำนวณปริมาณดินที่ต้องการถม โดยมีหน่วยเป็นคิว ในกรณีที่ดินมีความลาดชัน ให้แบ่งที่ดินเป็นโซน แล้วหาค่าเฉลี่ย กรณีหาผู้รับเหมาถมดิน ต่อรองราคา ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทดินที่ต้องการจะถม ระยะทางจากบ่อดินถึงสถานที่ก่อสร้าง ความยากง่ายในการขนส่ง และการบดอัดของดิน การตกลงว่าจ้าง ควรตกลงเป็นคิว ส่วนค่าบดอัดดินแล้วแต่ตกลง ก่อนถมดิน ควรทำระดับความสูงของดินที่ต้องการไว้หน้าที่ดิน ระหว่างการถมดิน ควรสังเกตุการถมดินเป็นระยะ ๆ โดยตรวจสอบประเภทของดิน การบดอัดดิน ระดับความสูงของดินว่าได้ตรงตามความต้องการหรือไม่
 
CR : aoonjai
 

เคล็ดลับสำหรับการทำถนนคอนกรีต ให้แข็งแรงทนทาน

ถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน​ อาทิเช่น  ไม่เว้นระยะให้มีรอยต่อ เพื่อการขยายตัวของคอนกรีต ใช้เหล็กไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ จะส่งผลให้ถนนที่เปิดใช้ไม่แข็งแรง ระยะเวลาในการใช้งานถนนลดลง ใช้ได้ไม่นานก็ชำรุด วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการทำถนนคอนกรีตอย่างไรให้แข็งแรง ทนทาน และได้มาตรฐานกันค่ะ  

 
 
การเทพื้นถนนคอนกรีต
โดยทั่วไปจะมีความหนาประมาณ 15 ซม. อาจใช้คอนกรีตจากการผสมด้วยช่างในอัตราส่วน คือ ปูนซีเมนต์ : ทราย : หิน (1 : 2 : 4) หรือจะใช้วิธีสั่งคอนกรีตผสมสำเร็จ เพื่อความสะดวก และได้มาตรฐาน
 
 
 
 
การเตรียมพื้นสำหรับเทคอนกรีต
เริ่มต้นปรับระดับดินให้เรียบ เผื่อความหนาของทราย และคอนกรีตที่จะเท หลังจากนั้นให้ตั้งแบบเทคอนกรีต โดยใช้ไม้เนื้อแข็ง หรือเหล็กสำเร็จรูป วางตามแนวถนน ในเขตที่กำหนด แล้วค้ำยันให้แข็งแรง ความกว้างของถนน 4 เมตร ความยาวแต่ละช่วงไม่เกิน 6 เมตร เพราะการหด และขยายตัวอาจทำให้เกิดการร้าว เททรายให้ได้ความหนา 5 ซม. แล้วบดอัดให้แน่น
 
 
 
 
การเทพื้นคอนกรีต
ปรับผิวหน้าแล้ววางตะแกรงเหล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 มม. ขนาดตาราง 15X15 ซม. วางลงในเนื้อคอนกรีต ตะแกรงเหล็กต้องอยู่ต่ำกว่าผิวคอนกรีต 5 ซม. เพื่อป้องกันรอยร้าว รวมถึงวางเหล็กเดือย หรือเหล็กยึดระหว่างรอยต่อ เพื่อความแข็งแรง เทคอนกรีตต่ำกว่าระดับที่ต้องการแล้วเกลี่ยให้ทั่ว อีกวิธีหนึ่ง คือ การเสริมลูกปูนก่อนวางตะแกรงเหล็กแล้วเทคอนกรีตให้ได้ตามระดับที่ต้องการ วิธีนี้ทำได้ในขั้นตอนเดียว หลังจากเทคอนกรีตแล้วให้ทำการปรับแต่งผิวหน้าให้เรียบ ทิ้งไว้จนผิวคอนกรีตเริ่มแข็งตัว และบ่มพื้นถนนโดยฉีดน้ำให้ชุ่มไม่น้อยกว่า 7 วัน เพื่อเสริมความแข็งแรง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก จากนั้นให้กรีดร่องตามรอยต่อ โดยมีความกว้างไม่น้อยกว่า 1 ซม. ลึก 1.5 ซม. แล้วหยอดยางมะตอยระหว่างช่องไม่ให้น้ำซึมลงไปในร่อง ป้องกันดินทรุด
 
 
คอนกรีตผสมสำเร็จ จะมีราคาแตกต่างกันไปตามความหนา และกำลังอัดของพื้นคอนกรีต การเทพื้นคอนกรีตทุกขั้นตอนควรเป็นไปอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันปัญหาปูนหลุดร่อน หรือรอยร้าว ถนนคอนกรีตสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า 10 ตัน ข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้เป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับพูดคุยกับผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อให้ได้ถนนที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน 
CR : https://www.baanlaesuan.com/76471/maintenance/concrete-road

เคล็ดลับในการเลือกวัสดุและวิธีปูพื้นทางเดินนอกบ้าน

ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบสำหรับทางเดินนอกบ้าน คือ การทรุดตัว หรือดินยุบ เกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุ คือ มาจากขั้นตอนการปูพื้นที่ไม่ได้คุณภาพ กับการเปลี่ยนของสภาพผิวดินตามธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว มี 2 ส่วนที่ต้องพิจารณา คือ วัสดุปูพื้น และวิธีการปูพื้นทางเดินนอกบ้าน เป็นส่วนที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก ขั้นตอนการปูจึงไม่ยุ่งยาก ซึ่งสามารถทำเองได้ค่ะ  

 
 
วัสดุปูพื้น แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 
1 | วัสดุจากธรรมชาติ ได้แก่ หินแกรนิต หินทราย หินกาบ หรือศิลาแลง นิยมใช้ปูตามทางเดินในสวนที่ต้องการความสวยงามเสมือนธรรมชาติ ข้อจำกัดคือ มักมีขนาดหนาบางไม่เท่ากัน บางชนิดแตกหักง่าย หรือเกิดตะไคร่น้ำง่าย หาซื้อได้ยาก นิยมใช้เฉพาะจุด ไม่ควรเลือกใช้ในจุดที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ
 
 
2 | คอนกรีตปูพื้น เป็นวัสดุทดแทนที่สร้างขึ้นสำหรับปูพื้นทางเดิน ทำจากซีเมนต์ผสมกับ หิน ทราย และน้ำ แล้วอัดขึ้นรูปให้เป็นรูปทรงต่างๆ รับแรงอัดได้มาก หาซื้อง่าย ราคาถูกกว่าหินธรรมชาติจึงเป็นที่นิยมใช้ปูนอกบ้าน ทางเดิน และทางเข้าโรงจอดรถ คอนกรีตปูพื้นแบ่งย่อย 2 แบบ คือ
 
 
คอนกรีตบล็อกประสานปูพื้น หรืออิฐตัวหนอน มีขนาดเล็ก หนาประมาณ 4-6 ซม. สามารถสร้างลวดลายได้ทั้งสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม และรูปตัวหนอน บล็อกคอนกรีตรับแรงอัดได้สูงถึง 350 กก./ซม. จึงเหมาะสำหรับปูบริเวณลานจอดรถ และทางเดินหน้าบ้าน
 
กระเบื้องคอนกรีต ลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม หนาประมาณ 3-4 ซม. ซึ่งเหมาะสำหรับทางเดินในสวน หรือทางเดินข้างบ้าน มีลวดลาย และสีสันแตกต่างกันตามวัสดุเคลือบผิว เช่น ใช้เทคนิคเคลือบพ่นไฟ ใช้ไปนาน ๆ จะเกิดความมันวาว 
 
ควรพิจารณาในเรื่องคุณสมบัติของวัสดุ เช่น การดูดซับน้ำ ลวดลาย ผิวสัมผัส การรับน้ำหนัก และความสวยงาม ปัจจุบันมีคุณสมบัติเพิ่มเติม อย่างการกันความร้อนสะสมบนพื้นคอนกรีต
 
 
วิธีการปูพื้นทางเดินนอกบ้าน
สามารถปูได้ทั้งบนพื้นคอนกรีต หรือบนพื้นดิน ซึ่งบนพื้นคอนกรีตจะมีความแข็งแรง ทนต่อแรงอัด รับน้ำหนักได้มากกว่าบนพื้นดิน ส่วนบนพื้นดินสามารถระบายน้ำได้ดี ประหยัดค่ารใช้จ่าย จึงได้รับความนิยมโดยมีขั้นตอนดังนี้
 
 
 
ปรับระดับพื้นผิวดินให้เสมอ พร้อมเก็บเศษวัชพืชออก กั้นขอบแนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อให้แข็งแรง และง่ายต่อการปูพื้น จากนั้นรองด้วยแผ่นใยสังเคราะห์ เพื่อไม่ให้ทรายไหลรวมกับดิน โรยทรายหยาบแล้วเกลี่ยให้ทั่วทางเดิน เพื่อปรับระดับดินให้เรียบเสมอกัน บดอัดทรายให้แน่น มีความหนาประมาณ 3-5 ซม. (หากปูบนพื้นคอนกรีตเดิมให้เริ่มขั้นตอนอัดทรายได้เลย) วางแผ่นปูพื้นโดยดูระดับความสูงที่เท่ากัน หากไม่เท่าให้ใช้เกรียงปาดทรายออก แล้วจึงกดให้แน่น โรยทรายอีกรอบ เพื่ออุดรอยต่อระหว่างแผ่นคอนกรีต
CR : https://www.baanlaesuan.com/149011/maintenance/walkway-3

อิฐมอญใช้ทำอะไรได้บ้าง ปูทางเดินในสวนดีไหม

โดยส่วนใหญ่เป็นที่ทราบกันว่า การใช้อิฐมอญปูทางเดินในสวนนั้นมักจะแตกหักได้ง่าย และมักมีปัญหาที่เกิดจากตะไคร่น้ำเกาะ จึงทำให้พื้นลื่น ควรหลีกเลี่ยงการปูอิฐในบริเวณที่ร่ม และมีความชื้นมาก ๆ ควรปูในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง ยกเว้นกรณีที่มีมอสส์ขึ้นบนอิฐก็จะทำให้ดูสวยงามไปอีกแบบค่ะ
 
 
 
อิฐมอญเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการจัดสวน เพราะมีราคาไม่สูงมาก สีเป็นธรรมชาติ และผิวสัมผัสที่สวยงาม นำมาปูได้หลายแบบ และสร้างลวดลายได้ นำมาตกแต่งสวนได้ ข้อดี คือ เป็นวัสดุที่เก็บความชื้นได้ดีจึงทำให้ภายในสวนเย็นสบาย ข้อเสีย คือ เปราะแตกง่าย และมักจะเกิดตะไคร่น้ำทำให้พื้นลื่น การปูในสวนจึงควรปูในบริเวณที่มีแดดส่องถึง และเป็นพื้นที่ที่ไม่เปียกชื้นตลอดเวลา ยังสามารถปูสลับกับวัสดุอื่นได้ เช่น กรวด ทรายล้าง เพื่อช่วยกันพื้นลื่น
 
อิฐมอญเป็นวัสดุที่ดูดซึมน้ำได้ดี เปราะ และแตกหักง่าย ไม่เหมาะกับการใช้งานที่เกิดแรงกระแทก เหยียบย่ำ จึงควรเลือกอิฐที่มีเนื้อแน่น หรือใช้อิฐที่เผาด้วยความร้อนสูง หลีกเลี่ยงอิฐที่ผสมวัสดุอื่นลงไป ให้สังเกตจากเนื้อสัมผัสของอิฐซึ่งมีเศษวัสดุอื่นผสมอยู่ อิฐประเภทนี้เหมาะกับงานผนังมากกว่า ควรใช้อิฐแบบตันจะทนทานแข็งแรงกว่าอิฐมีรู
 
 
 
 
การใช้อิฐปูพื้นควรทำขอบเขตโดยก่อขอบปูน ใช้แผ่นเหล็กฝังลงดิน หรือใช้ที่กั้นขอบทางเดินสำเร็จ เพื่อไม่ให้อิฐที่ปูหลุด จากนั้นปรับพื้นให้เรียบเสมอกัน และอัดทรายให้แน่น เรียงอิฐเป็นลวดลายตามต้องการ เมื่อปูเสร็จให้โรยทรายพร้อมฉีดน้ำ หากต้องการให้ทางเดินแข็งแรง ควรปูอิฐในแนวตั้ง  ส่วนอิฐมอญโบราณปูในแนวนอนได้
 
การใช้อิฐมอญกรุผนังควรระวังเรื่องการดูดซึมน้ำ เพราะอิฐมอญมีความพรุนสูง หลีกเลี่ยงการใช้อิฐมอญกรุทับผนังนอกบ้านโดยตรง ให้ทาน้ำยากันซึมที่ผนังเดิมก่อน ค่อยก่ออิฐโชว์ลายทับ แล้วจึงทาน้ำยาอะคริลิก เพื่อป้องกันคราบสกปรก และตะไคร่น้ำเกาะ
 
 
 
  อิฐมอญหลายประเภท เช่น อิฐทนไฟ เนื้อจะแข็งกว่าอิฐมอญทั่วไป อิฐมอญโบราณซึ่งมีขนาดใหญ่พิเศษ โดยทั่วไปอิฐมอญจะมีขนาด 6 × 14 × 3 ซม. แต่ปัจจุบันอิฐมอญมีให้เลือกหลากหลาย มักทำเป็นก้อนใหญ่ ไม่มีรู เหมาะสำหรับปูพื้นลานกว้าง และทางเดิน  CR : https://www.baanlaesuan.com/32595/the-editors/brick-2

การสร้างสนามกอล์ฟนั้นมีขั้นตอนในการทำอย่างไร เรามาดูกันค่ะ

สนามกอล์ฟขนาด 18 หลุม 1 สนาม จะใช้พื้นที่ประมาณ 400-450 ไร่ หัวใจของสนามกอล์ฟนั้นอยู่ที่สนาม หญ้าทั้ง 18 หลุม มีพื้นที่รวมกัน 10,000-13,000 ตร.ม. เพราะสนามจะได้รับคำติชมขึ้นอยู่กับสภาพความสมบูรณ์ของสนามหญ้าค่ะ
 
 
 
 
สนามหญ้าจะมีรูปร่าง คุณภาพที่ดีต้องมีการออกแบบ และการสร้างที่ได้มาตรฐาน รวมถึงทิศทางการไหลของน้ำ โดยใช้หลักการของสมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา การสร้างสนามหญ้าจะต้องคำนึงถึงเรื่องการระบายน้ำที่ดี ทรายที่ใช้เป็นทรายแม่น้ำ สะอาด ไม่มีผงฝุ่น มีขนาด 0.15-1 มม. หรือทรายละเอียด ส่วนกรวดในการรองพื้น มีลักษณะกลม หรือรี เมื่อรวมกันแล้วมีช่องว่างให้ระบายน้ำได้ดีกว่าลักษณะแบน ท่อระบายน้ำใช้แบบเจาะรู ขนาด 4 นิ้ว เป็นต้น
 
 
 
 
ขั้นตอนการสร้างสนามหญ้า เริ่มจากกำหนดพื้นที่ และปรับพื้นที่ตามแบบ บดอัดพื้นให้แน่นป้องกันการทรุดตัว จากนั้นกำหนดแนวท่อให้มีความกว้าง 30 ซม. ลึก 30 ซม. ลักษณะก้างปลา ในร่องต้องบดอัดให้แน่น รองด้วยหินกรวด หนา 10 ซม. แล้ววางท่อระบายน้ำแบบเจาะรู กลบด้วยหินกรวด รวมทั้งพื้นที่สนามหญ้า ให้มีความหนาของชั้นหินกรวด 10 ซม. จากพื้นสนาม ขอบสนามหญ้ากั้นด้วยแผ่นยาง PE หนา 3-5 มม. กว้าง 30-35 ซม. ป้องกันวัชพืช ชั้นสุดท้ายใส่ทรายหนา 30 ซม. ให้เต็มพื้นที่สนาม รดน้ำเพื่อให้ทรายแน่น ปรับด้วยรถปั่นทรายตามแบบ ตำแหน่งที่ใช้เจาะหลุมความลาดเอียงไม่เกิน 3 องศา โดยทั่วไประดับของสนามมีผลต่อความยากง่ายในการเล่นกอล์ฟ โดยหลุมต้องลึกเพียงพอสำหรับถ้วยรับเสาธง และขอบสนาม วัสดุที่ใช้ต้องกันความชื้นแล้วจึงตามด้วยการปลูกหญ้า 
 
 
 
 
การปรับภูมิทัศน์บนสนาม และบริเวณรอบ ๆ ให้ยึดหลักสำคัญ คือ ไม่เปลี่ยน หรือขวางทางน้ำถ้าไม่จำเป็น แต่ปรับตามพื้นที่เดิมให้มากที่สุด บริเวณที่เจาะหลุมจะค่อนข้างเรียบ และกว้างพอสำหรับการย้ายหลุมได้บ่อย ๆ โดยไม่ซ้ำที่เดิมจนทำให้สนามช้ำ ควรมีอย่างน้อย 3 จุด สำหรับเลือกเป็นจุดในการท้าทายเพื่อใช้ในการแข่ง หรือเรียบง่ายสำหรับวันที่มีนักกอล์ฟเป็นจำนวนมาก  
 
 
 
  ในการสร้างสนามกอล์ฟนั้น ควรดูแลรักษาสนามให้ดี อย่างสม่ำเสมอ โดยมีผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลรักษาสนาม ซึ่งจะช่วยยืดอายุให้สนามกอล์ฟสามารถใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น CR : hotgolfclub

เมื่อบ้านเกิดรอยร้าว คือบ้านทรุด หรือดินทรุด เรามีวิธีป้องกันอย่างไร

การเกิดรอยร้าว หรือตัวบ้านแยกออกจากพื้นดิน ซึ่งพบได้บ่อย นั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพทางธรณีวิทยาของแต่ละพื้นที่ แต่โดยทั่วไปมักเรียกว่า “บ้านทรุด”
 
 
การที่เรียกว่าบ้านทรุดส่วนใหญ่ที่เกิด คือ ตัวอาคาร หรือรอบบ้านมีรอยแยก ทรุดออกจากตัวบ้าน จนเกิดเป็นโพรง หรือรอยแยกขนาดใหญ่รอบบ้าน การที่เป็นเช่นนี้เรียกว่าดิน หรือพื้นรอบบ้านทรุด เนื่องจากบ้านมีโครงสร้างฐานรากที่แข็งแรง และในปัจจุบันการสร้างบ้านจะใช้เสาเข็มเป็นตัวรับน้ำหนักบ้าน เมื่อตอกเสาเข็มลงไปในความลึกมากบ้างน้อยบ้าง แต่เสาเข็มยังคงรับน้ำหนักได้ตามปกติ ตัวบ้านจะรักษาระดับเอาไว้ ไม่จมลึกลงไปจากระดับในการรับน้ำหนักของเสาเข็ม และดินที่อยู่ข้างใต้
 
 
เมื่อเวลาผ่านไป ดินชั้นบนที่อยู่รอบบ้านจะทรุดลง อาจเป็นเพราะเวลาในการถมดินทิ้งไว้น้อยเกินไปก่อนที่จะสร้างบ้าน ดินจึงจะอัดตัวแน่นในภายหลัง หรือเกิดจากดินไหลออกนอกบริเวณฐานของตัวบ้าน ทำให้ดิน และโครงสร้างรอบบ้านที่ไม่ได้ตอกเสาเข็มไว้ หรือตอกเสาเข็มไม่ลึกพอ จึงทำให้เกิดรอยร้าว รอยแยก อาการนี้คือ ดินทรุด แต่บ้านไม่ทรุดตาม อาการนี้ไม่ก่ออันตรายโดยตรง แต่ทำให้บ้านไม่น่าดู และอาจนำมาซึ่งความไม่สะดวก   
 
 
ลักษณะดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดย เลือกบ้านให้อยู่ในบริเวณที่ดินไม่ทรุด แต่วิธีนี้ค่อนข้างยาก เพราะสภาพทางธรณีวิทยาแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ควรถมดินทิ้งไว้ก่อนการสร้างบ้าน เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี เนื่องจากต้องใช้เวลาในการอัดตัวของดิน ยิ่งดินเดิมสูงมากยิ่งทรุดตัวได้มาก หากไม่มีเวลาให้ใช้รถบดอัดดิน โดยให้โครงสร้างอบู่บนฐานราก และเสาเข็มที่ยาวเท่ากัน วิธีนี้จะช่วยไม่ให้เกิดรอยแตกระหว่างโครงสร้างของตัวบ้าน และรอบบ้าน วิธีนี้ทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ โครงสร้างที่ไม่ใช่ฐานรากติดตัวบ้าน ให้เว้นร่องแยก เมื่อเกิดดินทรุด จะเกิดรอยแยกแต่ไม่เป็นรอยร้าว ถ้าแยก หรือเอียงมากให้ทำเฉพาะส่วนนั้น หากเป็นอาคารเล็กชั้นเดียว การใช้ฐานรากที่ไม่ใช้เสาเข็ม หรือเสาเข็มสั้น ทำให้โอกาสที่ดินทรุดน้อยลง เพราะบ้านฝากน้ำหนักไว้กับหน้าดิน หรือดินในระดับที่ไม่ลึกมาก อย่างไรก็ตามควรมีวิศวกร หรือสถาปนิกร่วมพิจารณา
 
 
อาการดินทรุดดังกล่าวนั้นไม่มีอันตรายโดยตรง เมื่อเกิดอาการดังกล่าวขึ้นให้แก้ปัญหาไปตามอาการนั้น ๆ เช่น ถ้าเกิดปัญหาเป็นโพรงรอบบ้านให้หาอะไรมาปิด อาจจะใช้แผ่นคอนกรีตฝังปิดลงไปบริเวณรอบบ้าน หรืออาจจะถมดินเพิ่มแล้วหาที่กั้นดิน เพื่อไม่ให้ดินไหลออกไปได้นั้นเอง 
CR : zmyhome
 

มารู้จักโมเดลนวัตกรรม ‘ธนาคารน้ำ (ระบบปิด)’ สำหรับแก้ปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วมกันค่ะ

เดิมจังหวัดชัยนาทเป็นพื้นที่แห้งแล้ง นวัตกรรมธนาคารน้ำใต้ดิน ระบบปิด ช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำใช้โดยไม่ต้องซื้อน้ำ นอกจากช่วยให้มีน้ำใช้ตลอดเวลาแม้ช่วงแห้งแล้งแล้ว ยังช่วยบริหารน้ำไม่ให้เกิดน้ำท่วมได้อีกด้วย
 
 
ที่มาโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน (ระบบปิด)
เกิดจากแนวคิดของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่ต้องการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง จากเดิมจังหวัดชัยนาทเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ทำให้ชาวบ้านประสบปัญหาไม่มีน้ำกินน้ำใช้ ดังนั้นหน่วยงานท้องถิ่นจึงมีแนวคิดที่จะทำธนาคารน้ำใต้ดิน (ระบบปิด) เพื่อกักเก็บน้ำ โดยมีสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เข้าไปสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว พร้อมทั้งมีโครงการที่จะทำธนาคารน้ำจำนวน 155 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 3-4 หมู่บ้านในตำบลอีกด้วย
 
 
 
ข้อดี คือ สามารถทำให้น้ำไหลลงบ่อใต้ดินได้รวดเร็วมาก ช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน และสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยในช่วงฤดูฝนนั้น สามารถรีชาร์จน้ำลงบ่อได้รวดเร็ว ลดการท่วมขังในพื้นที่ ส่วนหน้าแล้งสามารถนำน้ำที่กักเก็บไว้มาใช้ได้ ยังช่วยทำให้ดินชุ่มน้ำ และอุ้มน้ำมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ดินบริเวณที่ทำธนาคารเกิดตาน้ำ (ทางน้ำเล็กๆ ที่อยู่ใต้ดิน มีน้ำไหลตลอดไม่ขาดสาย) และหลังจากนั้นประชาชนก็จะสามารถขุดน้ำบาดาลและน้ำประปาขึ้นมาใช้ได้โดยไม่ต้องซื้อน้ำเหมือนที่ผ่านมา
 
 
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำธนาคารน้ำใต้ดิน (ระบบปิด) มีดังนี้
หินใหญ่คละขนาด ขนาด 15-30 ซม. หินย่อยขนาดเล็ก (3/4) ผ้ามุ้ง หรือผ้าตาข่าย หรือจีโอเท็กซ์ไทล์
ท่อพีวีซีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว หรือ 3 นิ้ว ความยาวประมาณ 2 เมตร ท่อพีวีซีสามทาง หรือท่อพีวีซีตัวแอล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว หรือ 3 นิ้ว
 
 
ส่วนขั้นตอนการทำแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนด้วยกัน ดังนี้
เริ่มจากสำรวจจุดรวมน้ำ หรือจุดที่น้ำท่วมขัง โดยขุดหลุมเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือวงกลมให้ทะลุชั้นดินเหนียว ขนาดขึ้นอยู่กับธรณีวิทยาของแต่ละพื้นที่ โดยทั่วไปขนาดกว้าง 1.5 เมตร ยาว 1.5 เมตร ลึก 1.5 เมตร แล้วจึงตั้งท่อ PVC (ท่ออากาศ) ตรงกลางบ่อ 90 องศา พร้อมนำวัสดุ อิฐ หิน ทรายใส่ลงในบ่อ (เศษวัสดุต้องไม่ปนเปื้อนสารเคมี) สูงประมาณ 1.30 เมตร นำผ้ามุ้ง หรือผ้าสแลน ปูทับด้านวัสดุหยาบ (เป็นการกรองวัสดุที่ไหลมากับน้ำไม่ให้ลงไปในบ่อธนาคารน้ำใต้ดิน และป้องกันไม่ให้หินเกล็ดหล่นในช่องว่างของวัสดุหยาบ) สุดท้ายนำหินขนาดเบอร์ 1 (3/4) โรยทับบนผ้ามุ้ง หรือผ้าสแลนจนเสมอปากบ่อหนา 10-20 ซม. (ป้องกันเศษใบไม้ ใบหญ้า ตะกอนดิน ไม่ให้ลงไปอุดตันวัสดุหยาบ) การทำธนาคารน้ำนี้จำเป็นจะต้องมีการศึกษาด้านธรณีวิทยา และด้านภูมิศาสตร์เพื่อหาจุดลุ่มต่ำ หรือจุดที่เป็นทางน้ำไหล เพื่อทำให้น้ำสามารถไหลลงธนาคารน้ำใต้ดินได้ ซึ่งสามารถเติมน้ำลงชั้นใต้ดินได้ไม่น้อยกว่า 6 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือ 6,000 ลิตรต่อชั่วโมง 
 
 
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นวัตกรรมธนาคารน้ำ (ระบบปิด) อาจได้ผลกับพื้นที่อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท เท่านั้น แต่กับพื้นที่จังหวัดอื่นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง อาจต้องศึกษาเพิ่มเติมก่อนการทำธนาคารน้ำ เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากว่าหากนวัตกรรมเหล่านี้เข้าไปอยู่ในระบบของพื้นที่เหล่านั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากแบบนี้ได้
 
  CR : ขอบคุณบทความที่ดีจาก thestandard และรูปภาพสวย ๆ จาก mgronline

มาตรการป้องกันฝุ่นละอองในบริเวณงานก่อสร้าง

ปัจจุบันมีการก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ทั้งอาคาร ถนน โครงการรถไฟฟ้าทั้งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จึงก่อให้เกิดฝุ่นละอองซึ่งส่งผลต่อสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ปฏิบัติงาน ผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้คนที่อยู่อาศัยใกล้เคียงบริเวณก่อสร้างด้วย ฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้างเหล่านี้ถ้าขาดการควบคุมอย่างถูกต้อง ย่อมมีผลกระทบต่อบุคคล และสภาพแวดล้อมเป็นอย่างสูง ดังนั้นจึงควรมีมาตรการในการควบคุม และป้องกันการเกิดฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง ดังนี้
 
 
1. บริเวณโดยรอบการก่อสร้าง ต้องจัดทำรั้วทึบแข็งแรงสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร รอบสถานที่ก่อสร้าง และมีสิ่งปกคลุมทางเดินสำหรับป้องกันวัสดุตกหล่นลงในที่สาธารณะ
2. บริเวณตัวอาคาร ต้องใช้ผ้าใบทึบ หรือโปร่งแสง หรือวัสดุอื่นที่เหมาะสม ปิดกันสิ่งก่อสร้างป้องกันเศษวัสดุก่อสร้างร่วงหล่น และฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย
3. จัดให้มีการฉีดสเปรย์น้ำตามบริเวณขอบรั้ว และด้านในสถานที่ก่อสร้าง เพื่อเป็นการดักฝุ่น และทำความสะอาดพื้นที่ก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้าง มิให้ฟุ้งกระจายสู่ด้านนอกพื้นที่ก่อสร้าง
4. จัดทำทางเข้า-ออกให้ชัดเจน
  • ทางเข้าออกควรมีช่องทางเดียว ควรใช้ยางแอลฟัลต์ หรือคอนกรีตปูบริเวณทางเข้า-ออก
  • ทางเข้าออกต้องไม่กีดขวางช่องทางน้ำไหล และไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบระบายน้ำ หรือกีดขวางช่องทางน้ำสาธารณะ
  • ต้องดูแลรักษาความสะอาดทางเท้า ถนน และที่สาธารณะที่อยู่ติดกับที่ก่อสร้าง
  • ต้องทำความสะอาดรถขนวัสดุ หรือดินจากการก่อสร้างทุกครั้ง เมื่อต้องออกจากบริเวณก่อสร้าง
5. การผสมคอนกรีต การไสไม้ หรืองานที่ทำให้เกิดมลภาวะ ควรทำในห้อง หรือที่กันบริเวณโดยเฉพาะ มีหลังคา หรือมีผ้าคลุม และผนังปิดด้านข้างทั้งสามด้าน
 
 
 
 
6. การเจาะตัด ขัดผิววัสดุด้วยเครื่องจักรที่ทำให้เกิดฝุ่น และมลภาวะต้องฉีดน้ำ หรือสารเคมีบนผิวอย่างต่อเนื่องขณะปฏิบัติงาน เว้นแต่จะมีการเตรียมห้องเจาะ หรือขัดโดยเฉพาะที่ติดตั้งอุปกรณ์แยกฝุ่น หรือกรองฝุ่นไว้แล้ว
7. ปรับเปลี่ยนวิธีการก่อสร้าง โดยพยายามใช้วัสดุที่ผลิตสำเร็จรูปจากภายนอกมาติดตั้ง เพื่อลดฝุ่น เช่น การใช้ Precasted Concrete Wall สำหรับผนังภายนอก, ใช้ระบบห้องน้ำสำเร็จรูป หรือการใช้โครงสร้างเหล็กแทนโครงสร้างคอนกรีต
8. การกองวัสดุก่อสร้าง
  • ผงซีเมนต์ หรือเคมีภัณฑ์ ควรบรรจุอยู่ในภาชนะที่มิดชิด
  • กองวัสดุที่มีฝุ่น ควรปิด หรือคลุมในที่ปิดล้อมทั้งด้านบน และด้านข้างสามด้าน หรือฉีดพรมน้ำให้ผิวเปียกอยู่เสมอ
  • เมื่อมีการขนย้ายวัสดุที่มีฝุ่น ต้องฉีดพรมน้ำก่อนย้ายทันที
  • ไม่วางกอง หรือเก็บวัสดุเครื่องมือ เครื่องใช้ ชิ้นส่วนโครงสร้างในที่สาธารณะ นอกจากขออนุญาตจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก่อน และต้องมีการป้องกันอันตรายต่อบุคคล และทรัพย์สิน รวมทั้งติดตั้งไฟให้สว่างเพียงพอในเวลากลางคืน
9. การขนย้ายวัสดุ
  • การขนย้ายวัสดุที่เป็นฝุ่น ให้เก็บรวบรวมใส่ถุง เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น ก่อนที่จะรวบรวมกันขนออกจากหน่วยงานก่อสร้าง
  • รถบรรทุกวัสดุ หรือเศษวัสดุก่อสร้างต้องมีผ้าใบคลุมมิดชิด
  • รถบรรทุกต้องไม่บรรทุกน้ำหนักเกินตามมาตรฐานของถนนที่กรุงเทพมหานครกำหนดไว้
  • ไม่ล้างรถยนต์ หรือล้อเลื่อนในบริเวณที่จะทำให้ถนน หรือที่สาธารณะสกปรก
  • ไม่ทิ้งเศษวัสดุก่อสร้างที่ติดค้างมากับรถบรรทุกลงบนถนน ทางระบายน้ำ หรือที่สาธารณะ
  • ต้องทำความสะอาดรถบรรทุก รถลาก ล้อ ก่อนจะออกจากบริเวณก่อสร้างทุกครั้ง
10. การย้ายวัสดุด้วยสายพานที่ทำให้เกิดฝุ่น
  • ต้องทำหลังคาปิดด้านบน และปิดด้านข้างทั้งสองด้านให้มิดชิด
  • ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับกำจัดเศษวัสดุที่ตกค้างอยู่บนสายพาน และจัดเก็บให้เรียบร้อยก่อนเศษวัสดุจะตกลงสู่พื้น
 
 
 
 
11. การเก็บเศษวัสดุเหลือใช้
  • ต้องคลุมผ้า หรือจัดทำห้องเก็บให้มิดชิดทั้งด้านบน และด้านล่าง
  • ขนจากที่สูงควรจัดทำปล่อง หรือวิธีการที่เหมาะสมมิดชิดสำหรับทิ้ง หรือลำเลียงเศษวัสดุขนย้ายเศษวัสดุ ขยะ สิ่งปฏิกูลออกจากที่ก่อสร้างอย่างน้อยทุกสองวัน หรือจัดเก็บในที่มีขนาดเพียงพอ โดยทำความสะอาดต่อเนื่องตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อน
  • ลำเลียงทางปล่อง ปลายปล่องที่ใช้ทิ้งเศษวัสดุ ต้องสูงจากระดับพื้น หรือวัสดุรองรับไม่เกินหนึ่งเมตร
12. ระหว่างก่อสร้างหากกระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใดจนเป็นเหตุให้เสื่อม หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาจก่อให้เกิดความรำคาญ และเดือดร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง หรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น ผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง เจ้าของงานต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครอย่างเคร่งครัด
13. การก่อสร้างเสร็จแล้ว
  • ต้องจัดเก็บเศษวัสดุที่เหลือ และทำความสะอาดสถานที่ก่อสร้าง และรอบสถานที่โดยเร็ว
  • ล้างท่อระบายน้ำ ทำความสะอาดทางระบายน้ำสาธารณะไม่ให้มีเศษวัสดุจากการก่อสร้าง
  • การเชื่อมต่อกับสาธารณูปโภค เช่น เป็นทางเข้า-ออก เชื่อมท่อระบายน้ำ-ประปา ต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับส่วนรวม และปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครอย่างเคร่งครัด
 
 
 
  CR : ขอบคุณบทความที่ดีจาก eit.bookcaze.com และรูปภาพสวย ๆ จาก positioningmag.comkhaosod.co.th

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับงานคอนกรีต สำหรับการก่อสร้าง

ความรู้เรื่องคอนกรีต สำหรับในยุคปัจจุบันนี้ อาคาร ตึก บ้าน ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้คอนกรีตเป็นส่วนผสมหลัก เริ่มตั้งแต่ฐานราก เสา คาน หรือแม้กระทั่งพื้น นิยมใช้คอนกรีตมาเป็นส่วนประกอบในการสร้างอาคารเนื่องจากสะดวก และประหยัดเวลา ดังนั้นจึงควรทำความรู้จักกับคอนกรีต เพื่อให้มีความเข้าใจเรื่องคอนกรีตมากยิ่งขึ้น เรามาเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับคอนกรีตในเบื้องต้นกันเลยค่ะ    

ปูน หรือปูนซีเมนต์ มีส่วนผสมจากหินปูน หินดินดาน และทราย ซึ่งเอาไว้ใช้สำหรับงาน ก่อฉาบ เท ซึ่งเมื่อต้องการใช้งานต้องผสมทราย และน้ำ แต่นอกจากปูนซีเมนต์ในงานโครงสร้างต่าง ๆ แล้วนั้นยังมีปูนซีเมนต์อีกแบบเรียกว่าปูนมอต้าซึ่งเป็นปูนซีเมนต์สำเร็จรูปสามารถผสมน้ำใช้ได้เลย ส่วนคอนกรีต คือการผสม ปูนซีเมนต์ หิน ทราย และน้ำ เข้าด้วยกันซึ่งมักจะใช้ในการหล่อโครงสร้างต่าง ๆ รวมไปถึง Precast concrete หรือ ผนังสำเร็จรูปด้วย 
   
ทราย สำหรับงานก่อสร้าง แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ทรายละเอียด ใช้ในการผสมปูนฉาบหน้าคอนกรีต ทำบัว สนามกอล์ฟ ทรายหยาบ สำหรับผสมในคอนกรีตที่ต้องการการต้านทานกำลังสูง เช่น งานโครงสร้าง งานสะพาน งานอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก และทรายถม หรือทรายขี้เป็ด ใช้สำหรับปรับผิว หรือ เทพื้น หรือใส่ถุงกันน้ำท่วม ถมที่ และ ถมถนน 
 
หินสำหรับงานก่อสร้าง แบ่งได้เป็น 2 ประเภท หินย่อย (หินคลุก) ใช้ทำเป็นปูนซิเมนต์ และใช้ในการก่อสร้าง งานทำถนน มีหลายขนาด และหินรองพื้น โดยปกติแล้ว จะใช้ทำถนน
 
 
 
คอนกรีตผสมสำเร็จ ที่นำมาใช้สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร กว้าง x ยาว x หนา = ปริมาณคอนกรีตที่ต้องสั่ง โดยจะมีหน่วยเป็น ลบ.ม. หรือส่วนใหญ่จะเรียกว่า คิว ซึ่งย่อมาจาก คิวบิกเมตร ส่วนการสั่งปูนซีเมนต์ ทราย และหินมาผสมเองที่หน้างาน จะมีอัตราส่วนผสมคอนกรีตที่ต่างกันออกไปตามการใช้งาน ดังนี้
สูตร 1 : 2 : 4 เหมาะสำหรับงานโครงสร้างคอนกรีตทั่วไป เช่น พื้น เสา คาน ตอม่อ
สูตร 1 : 3 : 5 เหมาะสำหรับเทคอนกรีตหยาบ ใช้ปรับระดับ หรืองานรับกำลังได้ต่ำ
สูตร 1 : 1.5 : 3 เหมาะสำหรับงานถนน และโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรง
สูตร 1 : 1.5 : 2 เหมาะกับงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงและความทนทานมากขึ้น
 
 
ตัวอย่างเช่น ต้องการใช้คอนกรีต 2 คิวในการเทพื้นที่จอดรถกว้าง 4 ม. ยาว 5 ม. เทคอนกรีตหนา 10 ซม. (0.1 ม.)  คอนกรีตสูตร 1 : 2 : 4 จะได้ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ 324 x 2 = 648 กก. ซึ่งใช้ปูนประมาณ 13 ถุง (ถุงละ 50 กก.)
ทรายหยาบ 0.57 x 2 = 1.14 ลบ.ม.
หิน (เบอร์ 1-2) 1.09 x 2 = 2.18 ลบ.ม.
 
 
 
การใช้งานคอนกรีตผสมเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นงานเทพื้น เทคาน หรือ อาคาร สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการใช้งานคอนกรีตผสมเสร็จทุกครั้ง คือ ค่ากำลังอัด เพื่อให้ไม่เกิดความเสียหายภายหลัง และ ก่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งรูปทรงของคอนกรีตที่นิยมใช้ในการทดสอบเพื่อหากำลังอัดของคอนกรีตที่นิยมกันมี 2 แบบ คือรูปทรงกระบอกและลูกบาศก์โดยมาตรฐานของประเทศไทยใช้ทรงกระบอก แต่ประเทศอื่น ๆ ก็มีการใช้ทรงลูกบาศก์ คอนกรีตรูปทรงกระบอก และรูปทรงลูกบาศก์ให้กำลังอัดต่างกัน กำลังอัดของคอนกรีตรูปทรงกระบอกมีค่าประมาณร้อยละ 80 ของรูปทรงลูกบาศก์
 
 

โปรแรง 4 ปี มีครั้งเดียว!!

โปรแรง 4 ปี มีครั้งเดียว!!
 
จ่ายสด ลด 4% “29ท่านแรกเท่านั้น”
 
เฉพาะวันที่ 29 ก.พ. 63 วันเดียวเท่านั้น‼️
 
สิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้า และชำระเงินสดภายในวันที่ 29 ก.พ. 63
รับส่วนลด 4% ทุกรายการ* ลูกค้าใหม่รับของขวัญพิเศษทุกการสั่งซื้อ
 
ศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 7 ท่า
เปิดบริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ 8.00 - 17.00 น.
สาขาราชพฤกษ์
สาขารามอินทรา
สาขาสุวินทวงศ์
สาขาลาดกระบัง
สาขารังสิต
สาขาเทพารักษ์
สาขาบางพลี
 
*ไม่มีขั้นต่ำ เมื่อรับเองหน้าท่า
**สำหรับการสั่งซื้อตั้งแต่ 8.00 - 17.00 น. ของวันที่ 29 ก.พ. 63 
***โปรโมชันนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชัน หรือส่วนลดอื่น ๆ ได้
****เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
=============
 
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร 02-951-5533
LINE: @kgsand
 

เคล็ดลับกำจัดไวรัส Covid19 ภายในบ้าน

โควิด หรือโคโรนา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ปัจจุบันได้แพร่ระบาดไปแล้วกว่า 90 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ทั้งได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วพันกว่าคน และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นอย่างไร ความสะอาดและสุขอนามัยในครัวเรือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่การทำความสะอาดทั่วไปนั้นไม่เพียงพอต่อการฆ่าเชื้อโรค KG จึงมีวิธีการกำจัดเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพ 2 วิธี มาฝากกันค่ะ
 
1.การอบโอโซน
โอโซน คือ ก๊าซออกซิเจนในสถานะพิเศษที่มีโครงสร้าง 3 อะตอม เกิดจากโมเลกุลออกซิเจนได้รับพลังงานจากแหล่งพลังงาน เช่น ฟ้าผ่า แสง UV โคโรน่าดิสชาร์จ จึงเกิดการแตกตัว และรวมเป็น  3  อะตอม ซึ่งจะคงสภาพอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง
 
 
ขั้นตอนการอบโอโซน
เจ้าหน้าที่ประเมินหน้างาน อาจทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน จากนั้นจะทำการปล่อยโอโซนอบไว้ในห้องเพื่อฆ่าเชื้อ โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง และปล่อยทิ้งไว้อีก 1 ชั่วโมงเพื่อรอให้โอโซนสลายตัว การอบโอโซนเหมาะกับพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่พลุกพล่าน เช่น ออฟฟิศขนาดเล็ก หรือบ้านเรือนที่พักอาศัยส่วนตัวมากกว่า เพราะสามารถควบคุมการใช้งานได้ดีกว่าพื้นที่ขนาดใหญ่หรือพื้นที่สาธารณะ
 
ข้อดีการอบโอโซน
ไม่ทิ้งสารตกค้าง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องเก็บห้องเพื่อเตรียมอบโอโซน สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการในราคาที่ย่อมเยา ตารางเมตรละ 20-50 บาท
 
2.การพ่นฆ่าเชื้อ
เป็นการฆ่าเชื้อโรคโดยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยเครื่องพ่นละอองฝอย(Misting Sanitize)  หรือเครื่องพ่นหมอก มักใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูง (High-Level disinfectant) อย่าง กลูตารัลดิไฮด์(glutaraldehyde) และสารอื่น ๆ ตามสูตรของแต่ละบริษัท โดยต้องมีการรับรองคุณภาพจากอย. เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านั้นเหมาะสมกับการนำมาใช้งานตามพื้นที่พักอาศัยได้อย่างปลอดภัย
 
 
ขั้นตอนการพ่นฆ่าเชื้อ
เจ้าหน้าที่ประเมินหน้างานและจัดเตรียมพื้นที่ก่อนพ่นน้ำยา โดยต้องมีการคลุมอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอาหารหรือเครื่องนุ่งห่ม เพราะน้ำยาฆ่าเชื้ออาจสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังได้ จากนั้นจึงทำการพ่นน้ำยา และปิดห้องทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในห้องค่อย ๆ ระเหย ก่อนเปิดระบายอากาศประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยเพื่อความปลอดภัย ราคาเหมาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท/สำหรับพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตร ขึ้นไป
 
ข้อดีการพ่นฆ่าเชื้อ
ฆ่าเชื้อโรคได้ตรงจุด สามารถกำหนดคุณสมบัติเพื่อประสิทธิภาพที่ตรงตัวได้ เข้าถึงพื้นที่ที่ต้องการได้ละเอียดกว่า และสามารถคงประสิทธิภาพได้ยาวนานกว่า
 
ในการเลือกวิธีสำหรับฆ่าเชื้ออาจต้องคำนึงหลายปัจจัยด้วยกัน อาจจะดูจากพื้นที่เป็นหลัก สำหรับผู้ที่ต้องการฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่โตมากนัก “การอบโอโซน” อาจจะเป็นคำตอบที่ดี อีกทั้งราคาเริ่มต้นของบริการยังย่อมเยาว่าการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีสารตกค้างในพื้นที่อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าเป็นพื้นที่กึ่งสาธารณะที่มีการใช้งานถี่กว่า หรืออาจจะต้องการการฆ่าเชื้อโรคที่ตรงจุดมั่นใจได้ การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ๆ เช่น โรงงาน  ห้างร้าน หรือบริษัทต่าง ๆ การอบโอโซนจะไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วถึง ในขณะที่การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ขนาดใหญ่นั้นจะมีความคุ้มค่า เเละมีประสิทธิภาพการควบคุมเชื้อโรคได้ดีกว่า เเถมป้องกันในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าด้วย 
 
 

ตอบโจทย์ทุกงานหล่อโครงสร้าง ด้วยราคาทรายหยาบที่เป็นกันเอง

      ในงานก่อสร้างอาคารบ้านเรือน โครงสร้างเสาและคานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เสาและคานเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้อาคารบ้านเรือนมีความแข็งแรงและมั่นคง เปรียบเสมือนเป็นโครงกระดูกของบ้านก็ว่าได้ ปัจจุบันโครงสร้างของบ้านที่ทำจากไม้ได้รับความนิยมลดลง เพราะไม้ใหญ่หายาก ราคาแพง และถ้าเทียบความคงทนแล้วอาจสู้โครงสร้างที่ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็กไม่ได้ แต่ทั้งนี้การจะหล่อโครงสร้างอาคารที่เป็นประเภทคอนกรีตเสริมเหล็กปัจจัยที่สำคัญก็มีอยู่หลายประการด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ “ทราย” การเลือกใช้ทรายที่เหมาะกับงานประเภทนี้ก็ควรจะเลือกเป็นทรายหยาบ แม้ว่าแหล่งขายทรายหยาบจะหาได้ทั่วไปก็จริง แต่จะหาแหล่งที่ให้ได้ราคาทรายหยาบดี ๆ นั้นก็ถือว่ายากทีเดียว

          ทรายหยาบนั้นเป็นทรายที่จะมีเม็ดกรวดเล็ก ๆ ผสมปะปนอยู่ เหมาะมากที่จะใช้กับงานหล่อโครงสร้างทำเสาอาคาร ยิ่งถ้าบริษัทรับเหมาใด ๆ ได้โครงการก่อสร้างตึกอาคารใหญ่ ๆ หรือโครงการทำคานสะพานยกระดับก่อสร้างทางด่วนที่มีความสำคัญมาก ก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของราคาทรายหยาบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะการก่อสร้างยิ่งโครงการใหญ่ยิ่งต้องควบคุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบงานตามที่กำหนดราคากันไว้ จึงต้องมีการคำนวณให้ชัดเจนว่าอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง อิฐ หิน ดิน ทราย และคอนกรีต จะต้องใช้มากน้อยแค่ไหน ต้องคำนวณกันให้ละเอียดเลยว่าทรายหยาบถุงละเท่าไหร่ ต้องใช้ปูน ใช้หินมากน้อยขนาดไหน และแหล่งขายทรายหยาบ ขายวัสดุก่อสร้าง แต่ละแห่งก็จะมีการเสนอราคาที่ต่างกันออกไป ตรงนี้จึงต้องมีการสืบราคากันให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เพื่อให้งบประมาณไม่บานปลาย
 
 
      ถึงแม้ว่างานหล่อโครงสร้างที่คุณต้องการจะทำ จะเป็นเพียงการทำโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กสำหรับบ้านที่พักอาศัยทั่วไปเท่านั้น แต่การให้ความสำคัญกับเรื่องราคาทรายหยาบก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวคุณเองอยู่ดี เพราะจะทำให้คุณรู้งบประมาณที่จะต้องใช้ในการก่อสร้าง การทราบราคาก็ทำให้คุณกำหนดสเปกคุณภาพของทรายหยาบที่จะนำมาใช้ได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าผู้รับเหมาจะฮั้วกับร้านขายทรายหยาบนำทรายที่ไม่มีคุณภาพมาใช้ แต่คิดเงินในราคาเต็ม การรู้ข้อมูลในส่วนนี้ไว้จึงไม่มีอะไรเสียหายและมีแต่ได้กับได้นั่นเอง
 
          ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นบริษัทผู้รับเหมา เป็นสถาปนิกและวิศวกร เป็นช่างก่อสร้าง หรือเป็นบุคคลที่กำลังคิดจะสร้างบ้านอยู่ก็ตาม ถ้าคุณต้องการแหล่งขายทรายหยาบที่ไว้ใจได้ เพื่อจะซื้อทรายหยาบมาใช้สำหรับงานหล่อโครงสร้างอาคารในแบบที่คุ้มค่า ขอให้คุณเลือกซื้อกับ K.G. ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย ที่พร้อมให้ราคาทรายหยาบที่ดีกว่าใครด้วยบริการที่เป็นกันเอง มาตรฐานที่ดีทั้งคุณภาพและราคา ที่รับรองว่าคุณต้องพอใจ
 
 

จะทำงานหล่อเสา วางคาน อย่าลืมสำรวจราคาทรายหยาบคิวละเท่าไหร่เพื่อใช้คำนวณความคุ้มค่า

         เสาและคานนับเป็นโครงสร้างที่สำคัญของงานก่อสร้างอาคารและทางยกระดับต่าง ๆ หากดูกันเฉพาะที่พักอาศัยบ้านเรือน เสาและคานเป็นส่วนที่จะต้องรับน้ำหนักและพยุงบ้านทั้งหลังเอาไว้ และยังเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะเป็นโครงหลักสำหรับการก่อสร้างผนังบ้านอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เสาคานของบ้านที่หล่อขึ้นจากปูนคอนกรีตมีความแข็งแรงมากขึ้นก็คือ “ทรายหยาบ” ซึ่งหลายคนเวลาจะซื้อทรายหยาบมาผสมสำหรับงานทำเสาและคานก็มักจะคำนึงถึงแต่เรื่องของราคาทรายหยาบคิวละเท่าไรเป็นอย่างแรก แต่จริง ๆ แล้วมีสิ่งที่ต้องคำนึงมากกว่านั้นอีก
 
         แน่นอนว่าจะซื้ออะไรเราก็มักจะต้องรู้ราคากันเสียก่อนจะได้คำนวณค่าใช้จ่ายได้ เมื่อต้องการจะซื้อทรายมาทำงานก่อสร้าง เราก็จำเป็นจะต้องรู้ว่าทรายขายยังไงสำหรับงานก่อสร้างบ้านทั้งหลัง หรืองานก่อสร้างโครงสร้างอาคารโครงการใหญ่ต่าง ๆ เวลาใช้ทรายในการวางเสาคานเราจะต้องใช้ทรายปริมาณมากกันอยู่แล้ว มักจะสั่งรถบรรทุกไปขนทรายมาจนเต็มคันรถ ซึ่งเวลาไปซื้อและบรรทุกทรายจากร้านวัสดุก่อสร้างหรือท่าทราย เขาก็จะจำหน่ายให้เรากันเป็น “คิว” หรือ 1 ลูกบาศก์เมตร (กว้างxยาวxลึก) ซึ่งเป็นคิวหรือปริมาณความจุกระบะของรถบรรทุกนั่นเอง โดยน้ำหนักเฉลี่ยของทรายหยาบ 1 คิวก็จะอยู่ที่ประมาณ 1,500 กิโลกรัม สิ่งที่เราต้องสำรวจให้ดีก็คือราคาทรายหยาบคิวละเท่าไหร่ และรถบรรทุกที่เราใช้ขนทรายจะบรรทุกทรายมาได้ทั้งหมดกี่คิว โดยปกติเมื่อเรารู้ราคาทรายต่อคิวและรู้ปริมาตรความจุของรถบรรทุกแล้ว ก็จะทำให้เราคำนวณราคาทั้งหมดออกมาได้
 
 
         แต่ปัญหาหนึ่งที่หลายคนไม่ทันได้สังเกตก็คือ การคำนวณราคาทรายต่อคิวตามปริมาตรความจุของรถบรรทุกแบบปกตินั้น อาจทำให้เราไม่ได้รับความคุ้มค่าจากราคาที่ต้องจ่ายไป สิ่งที่คุณจะต้องสังเกตให้ดีก็คือ รถบรรทุกแม้ขนาดรถจะเท่ากัน แต่ในส่วนกระบะอาจจะมีความเล็กใหญ่ไม่เท่ากันได้ ยกตัวอย่างเช่น รถบรรทุก 2 คันขนาดในภาพรวมเท่ากัน แต่คันหนึ่งบรรทุกทรายเต็มกระบะได้ถึง 12 คิว ส่วนอีกคันหนึ่งกลับบรรทุกทรายเต็มกระบะเหมือนกันแต่ได้เพียงแค่ 10 คิวเท่านั้น สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะรถบรรทุกแต่ละคันอาจมีการเสริมหรือแต่งกระบะท้ายในการขนสินค้าแตกต่างกันไป ดังนั้น เราจึงดูและคิดคำนวณเพียงราคาทรายหยาบคิวละเท่าไหร่ไม่ได้ เราจำเป็นจะต้องคำนึงถึงปริมาตรของวัสดุที่เราจะได้รับจริง ๆ ด้วย เช่น การชั่งด้วยตราชั่งมาตรฐานที่ได้รับการรับรอง ถึงจะเกิดความคุ้มค่าตามต้องการ
 
 
        ดังนั้นหากคุณต้องการความคุ้มค่าในการซื้อทรายหยาบเพื่อมาใช้ในงานหล่อเสาคานโครงสร้างของอาคาร ต้องการทรายที่จำหน่ายจริงเต็มคิว คิดราคาทรายหยาบคิวละเท่าไหร่ก็ได้ปริมาณทรายหยาบตามจริงที่สอดคล้องกับราคา มาที่ K.G. ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย ที่พร้อมจำหน่ายสินค้าให้คุณอย่างตรงไปตรงมา รับรองเลยว่าจะทำให้การคำนวณความคุ้มค่าของคุณง่ายขึ้นอย่างแน่นอน รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง

ทรายละเอียดราคาแพงไหม? แล้วแตกต่างจากทรายทั่วไปอย่างไร

             สำหรับงานก่อสร้าง สิ่งที่จำเป็นและเป็นวัสดุหลักที่จะต้องใช้ในงานเลยก็คือ หิน ดิน ทราย ปูน การจะซื้อทรายมาใช้สำหรับงานก่อสร้างนับเป็นองค์ความรู้หนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ เพราะหากใช้ผิดใช้ไม่ถูกต้องงานก็จะเสีย สำหรับทรายที่ใช้ในการก่อสร้างก็จะมีอยู่หลายแบบ หากจะกล่าวเฉพาะทรายละเอียดซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้กับงานฉาบ งานก่ออิฐมวลเบา เพราะหากนำมาผสมคอนกรีตใช้ในงานโครงสร้างอาคารก็จะทำให้โครงสร้างอาคารไม่แข็งแรงนั่นเอง การเลือกใช้ทรายให้ถูกต้องเหมาะสมกับงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเริ่มต้นอย่างถูกต้อง งานก่อสร้างก็จะเสร็จสมบูรณ์ แข็งแรงปลอดภัย ได้ทรายละเอียดราคาที่เหมาะสม และได้ความสวยงามตามต้องการ
 
       ในงานก่อสร้างขั้นตอนหนึ่งที่จำเป็นต้องมีเลยก็คือ “งานฉาบ” โดยเฉพาะผนังขั้นตอนนี้นับเป็นการตกแต่งผิวผนังให้เกิดความเรียบสวยงาม ซึ่งจะเรียบสวยงามตามที่ต้องการหรือไม่ หลัก ๆ ก็ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย นั่นคือ ฝีมือของช่างในการฉาบ และการผสมปูนที่ได้สัดส่วน โดยปกติแล้วการผสมปูนซีเมนต์สำหรับการฉาบผนังนั้นมีเคล็ดลับอยู่ที่การเลือกใช้ทราย ทรายที่จะนำมาใช้ในงานแบบนี้จะต้องเป็นทรายละเอียดเท่านั้นถึงจะช่วยให้การฉาบทำได้เรียบ ผิวผนังจะมีความเนียนสวยอย่างต้องการ เนื่องจากคุณสมบัติที่มีความหนาแน่นน้อย ตัวเม็ดทรายจะเล็กมีความละเอียดมาก เมื่อนำมาผสมปูนจึงทำให้ฉาบผนังแล้วเรียบเนียนมากขึ้น
 
 
         ทีนี้เมื่อเลือกใช้ทรายได้ถูกต้องเหมาะสมสำหรับงานฉาบแล้ว ก็ต้องมาพิจารณากันว่าทรายละเอียดราคาเป็นอย่างไร ปกติขายกันอย่างไร หากใช้น้อยเป็นการฉาบผนังเล็ก ๆ ก็สามารถซื้อเป็นถุง ๆ มาใช้ได้ แต่ถ้าเป็นงานฉาบอาคารทั้งหลัง ต้องมีการผสมปูนสำหรับงานฉาบจำนวนมาก ก็แนะนำให้ซื้อทรายกับท่าทรายต่าง ๆ โดยปกติแล้วที่ท่าทรายจะจำหน่ายกันเป็นรถบรรทุกหรือขายทรายละเอียดราคาต่อคิว ซึ่งการซื้อจำนวนมากเป็นคิวแบบนี้จริง ๆ ราคาก็ไม่แพง คิดไปแล้วจะถูกกว่าการซื้อปลีกย่อยเป็นถุง ๆ ด้วย แต่อย่างไรก็ดีก็จะต้องพิจารณาด้วยว่าร้านบรรทุกทรายมาให้เราเต็มคิวหรือไม่ เพราะรถบรรทุกแต่ละคันมีกระบะท้ายไม่เท่ากัน จึงอาจเป็นไปได้ว่าเราจ่ายราคาเต็มแต่ทรายที่ได้มาไม่เต็มคิว นอกจากเรื่องราคาแล้ว อีกสิ่งที่จำเป็นต้องพิจารณาควบคู่กันด้วยก็คือ ความละเอียดและความสะอาดของเนื้อทราย ยิ่งเนื้อทรายมีความละเอียดมากก็จะยิ่งดีต่องานฉาบมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
 
 
           ดังนั้นถ้าคุณกำลังต้องการทรายละเอียดราคาต่อคิวที่เหมาะสม  เพื่อที่จะมาใช้ในงานฉาบและตกแต่งผนังอาคารทั้งหลังที่ให้ผิวเรียบสวยงามตามที่คุณต้องการ ขอให้คุณวางใจ K.G. เพราะนี่คือศูนย์ค้าส่งหินดินทรายที่พร้อมส่งมอบสินค้าคุณภาพได้มาตรฐานให้กับคุณลูกค้าทุกคน คุณภาพทรายละเอียดที่เรานำมาจำหน่ายเรามีการคัดสรรคัดเกรดอย่างดี คุณจึงมั่นใจได้ว่าทรายจะมีละเอียดเหมาะสมกับใช้ในงานฉาบอย่างยิ่ง จัดให้คุณอย่างคุ้มค่าขนาดนี้ ต้องที่ K.G. เท่านั้น

เพื่องานฉาบที่คุ้มค่า ควรสำรวจราคาทรายละเอียดให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจซื้อ

        สำหรับการฉาบปูนนั้นถือเป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญในเชิงงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการฉาบให้เรียบเพื่อความสวยงามสำหรับอาคารที่พักอาศัยสร้างใหม่ หรืองานฉาบเพื่อซ่อมแซมรอยร้าวบนผนังเดิม การจะทำงานช่างในเรื่องนี้ต้องมีการคิดวางแผนอย่างเป็นระบบ สิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือวัสดุที่จะนำมาผสมกับปูนฉาบ นั่นก็คือทราย จะต้องมีการคิดวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนว่าจะใช้แบบไหนใช้เท่าไหร่ อย่างน้อย ๆ ก็ควรมองหาราคาทรายละเอียดจากร้านที่ใกล้ ๆ พื้นที่ก่อสร้างเสียก่อน แล้วเดินไปสอบถามราคาตามปริมาณที่ต้องการ จะได้คำนวณค่าใช้จ่ายแบบไม่มีค่าขนส่งหรือมีน้อยที่สุดได้
 
      โดยหลักเพื่อให้ได้ทรายที่เหมาะสมกับการใช้ในงานฉาบก็คือ “ทรายละเอียด” ด้วยทรายแบบนี้มีเนื้อทรายที่เล็กละเอียดจึงเหมาะสมที่จะนำมาผสมปูนแล้วใช้กับงานฉาบ การฉาบผนังนั้นจะใช้ปูนล้วน ๆ เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากปูนนั้นมีแรงเกาะยึดเหนี่ยวน้อย จึงจำเป็นจะต้องผสมทรายละเอียดลงไปด้วย แต่หลายคนเป็นช่างมือใหม่ เวลาจะใช้งานก็ไม่รู้ว่าควรจะซื้อทรายกระสอบแบบละเอียดเท่าไหร่ดีถึงจะเหมาะสมกับงานของตนเอง เรื่องนี้อาจไปขอคำแนะนำจากร้านขายทรายใกล้ฉันที่คุณหมายตาไว้หลาย ๆ ร้านก่อนก็ได้ จะได้ทราบปริมาณคร่าว ๆ ที่ต้องใช้และจะได้เป็นการสำรวจราคาทรายละเอียดไปในเวลาเดียวกันด้วย
 
 
          โดยปกติแล้วราคาทรายละเอียด ถ้าเป็นแบบทรายกระสอบ ราคาก็จะไม่กี่สิบบาทต่อ 1 กระสอบ กรณีใช้สำหรับงานฉาบซ่อมแซมเล็กน้อยก็ซื้อแบบเป็นกระสอบแบบนี้ก็ได้ เพราะไม่ได้ใช้ปริมาณมากนัก แต่หากว่าต้องใช้สำหรับงานฉาบผนังอาคารที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ทั้งหลัง หรืองานฉาบตึกทั้งตึก ก็ควรจะซื้อแบบปริมาณมาก ๆ แบบเป็นคิวรถบรรทุก ซึ่งการซื้อแบบนี้ก็มักจะได้ราคาที่ดีกว่าการซื้อย่อยทีละกระสอบสองกระสอบ การสำรวจราคาแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในงานได้เป็นอย่างดี และเมื่อได้ทรายในสเปกและจำนวนที่ต้องการแล้วก็นำมาผสมกับปูนในสัดส่วนที่พอเหมาะ การเลือกใช้ทรายละเอียดบวกกับการผสมที่ได้สัดส่วนที่พอเหมาะนั้น จะทำให้ผนังที่ฉาบออกมาเรียบเนียนและไม่มีการแตกร้าว ขั้นตอนการทำงานก็จะง่ายขึ้นและคุณจะได้ความคุ้มค่ามากขึ้นด้วย เพราะลงทุนครั้งเดียวได้ผนังที่เรียบเนียนสวยตลอดไป
 
 
         ดังนั้นหากคุณต้องการลงมือฉาบผนังให้มีความเรียบเนียนไร้ปัญหา ก็ควรเลือกใช้ทรายละเอียดที่มีคุณภาพและมีราคาทรายละเอียดที่เหมาะสมยุติธรรม ซึ่งวันนี้คุณสามารถเลือกซื้อได้แล้วที่ K.G. ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย ที่มีสินค้ามาตรฐาน เหมาะกับการก่อสร้างทุกรูปแบบ รับรองว่าได้มาตรฐานดีทั้งเรื่องคุณภาพสินค้าและราคาแบบคุณมั่นใจได้แน่นนอน

ทรายถมราคาโครงการมีไหม? หน่วยงานไหนต้องการซื้อไว้เพื่อปรับถนนต้องอ่านเลย

      ถนนและทางเท้า นับเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งของเขตเมืองต่าง ๆ การมีถนนหนทางที่ราบเรียบไม่ขรุขระก็จะช่วยให้การเดินทางสัญจรของผู้คนสะดวกและมีความปลอดภัยมากขึ้น การถมถนน ปรับพื้นที่หน้าถนนและทางเท้าให้เรียบจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการวางผังเมือง การปรับภูมิทัศน์ให้เกิดความสวยงาม และสะดวกต่อการใช้ชีวิต สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากก็คือเรื่องราคาทราย เพราะทรายถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการถมถนน แต่ทั้งนี้ทรายเป็นสิ่งหนึ่งที่มีค่าใช้จ่าย มีต้นทุนที่สูงไม่น้อยในการจัดซื้อแต่ละครั้งสำหรับงานถมถนน
 
            การปรับพื้นที่ถนนและทางเท้า โดยปกติแล้วก็จะต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการภาครัฐที่จะต้องลงมาดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งหน่วยงานไหนที่มีความรับผิดชอบก็จะต้องมีการสำรวจราคาทรายในท้องตลาด ว่าทรายถุงที่จะใช้สำหรับงานก่อสร้างราคาเป็นอย่างไร ทรายถมราคาเท่าไหร่ หากเป็นโครงการปรับภูมิทัศน์ถมถนนครั้งใหญ่ก็อาจจะต้องมีการเปิดซองประมูลเรื่องราคาวัสดุก่อสร้างกันอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนของราชการก็จะต้องคัดสรรวัสดุที่คิดว่าคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดมาใช้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับงาน และให้งานออกมามีคุณภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
 
 
          อย่างไรก็ดี ในส่วนของราชการภาครัฐนั้นมีทั้งส่วนที่ต้องดูแลรับผิดชอบแบ่งย่อยออกไปตามท้องถิ่น ก็อาจมีส่วนราชการท้องถิ่นบางที่ไม่ได้มีงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างสูงมากนัก ด้วยงบประมาณที่มีไม่มากจึงต้องบริหารงบส่วนกลางให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด การจัดซื้อทรายถุงแบบปลีกย่อยเพื่อมาถมถนนนั้นจึงไม่ใช่คำตอบ เพราะราคาที่ได้จะสูงกว่าการซื้อแบบขายส่งเป็นคิว ดังนั้น หากจะถมถนนก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเลือกผู้จัดจำหน่ายที่สามารถจำหน่ายทรายถมราคาโครงการหรือราคาขายส่งได้นั่นเอง ซึ่งทรายถมนั้นจะเป็นทรายที่มีดินปนเล็กน้อย เป็นทรายชนิดที่นำมาใช้ในการถมที่ถมถนนโดยเฉพาะ ราคาจึงค่อนข้างสูง ด้วยเหตุนี้ทำให้หน่วยงานภาครัฐส่วนท้องถิ่นหลายแห่งจำเป็นที่จะต้องหาที่จัดซื้อทรายสำหรับถมถนนในราคาโครงการ เพื่อที่จะได้มีงบประมาณเหลือพอสำหรับการใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีศูนย์จัดจำหน่ายทรายและวัสดุก่อสร้างหลายแห่งที่สามารถจัดจำหน่ายให้ในราคาโครงการสำหรับหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะ
 
 
        หนึ่งในบริษัทที่พร้อมจำหน่ายทรายถมราคาโครงการให้กับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ก็คือ K.G. ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย ชั้นนำระดับประเทศ ซึ่งคุณมั่นใจได้เลยว่าราคาที่ K.G. มอบให้จะเป็นราคาที่น่าสนใจกว่าใคร เพราะราคาที่เสนอไปนั่นการันตีด้วยคุณภาพของสินค้า ทรายถมที่คัดเกรดคุณภาพดีเหมาะกับงานถมที่ ถมถนนทุกแห่ง ถ้ายังไม่รู้จะเลือกซื้อทรายสำหรับโครงการถมถนนที่ไหนมาที่ K.G. ได้เลย เราพร้อมมอบราคาที่ดีที่สุดให้กับคุณ
 

ฤดูฝนกำลังใกล้เข้ามา มาเสาะหาราคาทรายถมเพื่อวางแผนจัดซื้อมารับมือน้ำท่วมกันดีกว่า

           ฤดูร้อนกำลังจะผ่านไปและฤดูฝนก็กำลังจะคืบคลานผ่านเข้ามา ก็คงถึงเวลาที่เราทุกคนจะต้องมีการปรับตัวเตรียมพร้อมเพื่อรับมือสายฝนที่กำลังจะโปรยปราย นอกจากจะต้องเตรียมเรื่องสุขภาพร่างกายให้พร้อมกับสภาพอากาศที่จะเปลี่ยนไปแล้ว ก็ยังคงต้องเตรียมซื้อทรายเผื่อเอาไว้เพื่อเตรียมการรับมือน้ำท่วมด้วย เพราะฝนฟ้าเป็นสิ่งที่เราไม่อาจคาดเดาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านเรือนในเขตเมืองใหญ่ ที่มักเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการระบายน้ำที่ไม่ดี พอฝนฟ้าตกทีก็ทำให้น้ำท่วมได้ทันทีเลยนั่นเอง ฉะนั้น เตรียมความพร้อมหาเทียบราคาทรายถมไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
 
        โดยปกติแล้วทรายกระสอบที่เรานำมาใช้วางเป็นแนวกั้นน้ำท่วมนั้น ก็มักจะเป็นทรายถมหรือทรายที่มีการผสมดินเอาไว้บางส่วน เป็นทรายที่เหมาะสำหรับการใช้ถมที่ หากว่าบ้านใครอยู่ในพื้นที่ที่ใกล้แม่น้ำหรืออยู่ในพื้นที่ที่ต่ำฝนตกทีไรมีน้ำท่วมขังหรือท่วมเข้ามาในบ้านทุกที ก็อาจจะต้องซื้อทรายถมเตรียมไว้มากสักหน่อย ซึ่งราคาทรายถมก็อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละร้านที่จำหน่าย แน่นอนว่าถ้าคุณซื้อน้อยราคาก็ย่อมจะสูง อีกวิธีหนึ่งที่แนะนำก็คือ ลองไปซื้อกับท่าทรายต่าง ๆ โดยตรงแทนร้านวัสดุก่อสร้างเลยจะดีกว่า วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ที่หน่วยงานภาครัฐและส่วนราชการใช้ คือไปซื้อกับต้นทางเลยซึ่งจะทำให้ได้ราคาที่ถูกลง
 
 
         หากคุณเป็นองค์กรภาครัฐ เป็นส่วนราชการที่กำลังวางแผนเรื่องการรับมือน้ำท่วมด้วยทรายกระสอบอยู่ล่ะก็ การไปเลือกซื้อทรายจากท่าทรายผู้จำหน่ายที่เป็นแหล่งต้นทางเลยก็จะช่วยให้คุณได้ราคาทรายถมที่ถูกกว่าแบบนี้จะช่วยให้องค์กรของคุณประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์สำหรับแผนบริหารจัดการรับมือเรื่องน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี และถึงแม้คุณจะไม่ได้เป็นหน่วยงานราชการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลก็ตาม แต่กำลังวางแผนที่จะซื้อทรายถมมาวางแนวกั้นตามหมู่บ้านในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ทำเกษตรอยู่มากมาย การสั่งซื้อจากท่าทรายก็ย่อมเหมาะสมกว่าการจัดซื้อตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปอยู่เหมือนเดิม เพราะการจัดวัสดุที่ได้ราคาที่ดีกว่าย่อมทำให้คุณมีเงินงบประมาณเหลือสำหรับการนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นอื่น ๆ อีกนั่นเอง
 
 
        ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาท่าทรายหรือบริษัทที่จำหน่ายทรายชั้นนำที่สามารถให้ราคาทรายถมที่ดี ได้ความคุ้มค่าขอเชิญคุณมาสั่งซื้อจาก K.G. ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย ชั้นนำระดับประเทศ ที่พร้อมมอบวัสดุคุณภาพเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายให้กับคุณ ไม่ว่าคุณจะสั่งซื้อในนามองค์กรหรือในนามบุคคล ซื้อมากหรือน้อยก็ตาม เราพร้อมจำหน่ายให้คุณทุกคนในราคาที่ดีที่สุดเสมอ ดีแบบนี้ไม่ซื้อไม่ได้แล้วน้า

ความรู้คู่งานช่าง ทรายสำหรับงานก่อสร้างมีกี่อย่างกันนะ

         สำหรับคนที่เป็นช่างรับเหมา ช่างก่อสร้างมืออาชีพแล้ว ก็คงจะทราบกันดีว่า “ทราย” ซึ่งเป็นวัสดุหลักในงานก่อสร้างมีอยู่หลายแบบหลายประเภทด้วยกัน เวลาจะซื้อทรายมาใช้ในงานก็ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่าย สามารถใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน แต่สำหรับคนที่เป็นช่างก่อสร้างมือใหม่แค่จะนึกถึงร้านขายทรายใกล้ฉันบางคนก็ยังไม่รู้เลย คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะเลือกใช้ทรายได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ครั้งนี้จึงขอมาชี้แนะช่างมือใหม่ถึงเรื่องการเลือกซื้อเลือกใช้ทรายสำหรับงานก่อสร้าง จะมีทรายอะไรบ้างและแต่ละอย่างเหมาะสมกับงานประเภทไหนบ้างไปดูกันเลย
 
1.ทรายหยาบ
        ทรายหยาบ เป็นทรายที่มีเม็ดทรายขนาดใหญ่และจะมีการผสมกรวดลงไป เป็นหนึ่งชนิดของทรายสำหรับงานก่อสร้างที่ใช้กันเป็นประจำ ทรายหยาบนั้นจะเป็นทรายที่เหมาะสมกับการผสมคอนกรีตเพื่อหล่อทำโครงสร้างเสา คาน ทำโครงสร้างสะพานใหญ่ ๆ หรือทำเป็นเขื่อนกั้นดิน ซึ่งมาตรฐานค่าความหยาบของทรายแบบนี้ที่จะเหมาะสมกับการนำมาใช้สำหรับก่อสร้างก็จะอยู่ที่ 2.6 – 3.0 แต่ทรายแบบนี้จะไม่เหมาะกับการนำมาผสมปูนฉาบเนื่องจากเนื้อหยาบทำให้การฉาบไม่เรียบ
 
 
2.ทรายกลาง
          เป็นทรายที่ค่าความหยาบจะน้อยลงมาจากทรายหยาบ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นทรายละเอียด ทรายแบบนี้ปกติจะใช้กับงานหล่อท่อ ทำท่อคอนกรีต หรือใช้ผสมปูนสำหรับการก่ออิฐ หากต้องการซื้อทรายมาผสมปูนสำหรับงานก่ออิฐ ทำพื้นบ้านซึ่งเป็นงานที่ไม่ต้องการความแข็งแรงหรือรับน้ำหนักมากเกินไป สามารถใช้ทรายแบบนี้ได้
 
3.ทรายละเอียด
       ทรายประเภทนี้เม็ดทรายจะละเอียด เม็ดเล็กเนื้อจะละเอียดมาก ทรายแบบนี้โดยปกติแล้วจะใช้สำหรับการผสมปูนสำหรับงานฉาบ จะช่วยให้งานฉาบผนังเรียบขึ้นและไม่มีการแตกร้าว เพราะตัวเนื้อทรายจะไปเพิ่มความแน่นให้กับปูน แต่ทรายแบบนี้ไม่เหมาะกับการนำไปผสมคอนกรีตหล่อโครงสร้างอาคาร เพราะเนื้อละเอียดเกินไป
 
 
4.ทรายถม
           ทรายประเภทนี้ก็ตามชื่อคือใช้สำหรับงานถมที่ดิน ถมที่ทำถนน มีคำเรียกอีกคำว่า ทรายขี้เป็ด นอกจากจะใช้ถมที่ได้แล้ว ยังสามารถนำมาใส่กระสอบเพื่อทำเป็นแนวกั้นน้ำท่วมได้ด้วย เนื่องจากเป็นทรายผสมดินจึงทำให้รับน้ำและอุ้มน้ำไว้ได้ดี
นี่คือ 4 ประเภทของทรายสำหรับงานก่อสร้างที่ใช้กันเป็นประจำ หากคุณเป็นช่างมือใหม่ต้องการซื้อทรายมาใช้สำหรับงานซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน หรืองานปลูกบ้านใหม่ของคุณ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปลงเอยกับร้านขายหิน ดิน ทรายและวัสดุก่อสร้างที่ไหนดี แวะมาสอบถามพูดคุยกันได้ที่ K.G. ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย ชั้นนำที่จะมีแต่คำว่าคุ้มค่าสำหรับคุณ ลองดูเลยแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง
 
 

วิธีเลือกซื้อทรายก่อสร้างราคาไม่แพง ต้องพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง

หากว่าคุณกำลังคิดถึงเรื่องงานก่อสร้าง การปรับปรุงตึกอาคารและถนน แน่นอนเลยว่าคุณจำเป็นที่จะต้องใช้วัสดุสำคัญในการก่อสร้างอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ทรายก่อสร้าง หากเป็นงานในโครงการใหญ่ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการใช้ทรายจำนวนมาก ทีนี้การลดต้นทุนในงานก่อสร้างก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วย การเลือกซื้อทรายก่อสร้างราคาไม่แพงจึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้เลยนั่นเอง ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่าทำอย่างไรถึงจะซื้อทรายก่อสร้างราคาไม่แพงได้อย่างที่ต้องการ
 
1.เริ่มต้นจากพิจารณาประเภทและจำนวนทรายที่ต้องใช้
ก่อนที่จะไปดูเรื่องราคาก็ต้องรู้ก่อนว่างานก่อสร้างที่เรากำลังจะทำนั้นอยู่ในงานประเภทไหน เพราะงานก่อสร้างแต่ละประเภทก็จะใช้ทรายไม่เหมือนกัน หากเป็นงานก่อโครงสร้างอาคารเกี่ยวกับการรับน้ำหนัก ก็จะต้องใช้เป็นทรายหยาบ งานฉาบงานก่อก็ใช้ทรายละเอียด หรือถ้าเป็นการถมที่ทำถนนก็ใช้ทรายถม ต้องดูปริมาณของงานและพื้นที่หน้างานให้ดีว่า จะต้องใช้มากน้อยแค่ไหน หากไม่ทราบก็ควรเริ่มจากไปสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากแหล่งจำหน่ายทรายให้ช่วยประมาณให้คร่าวๆ ให้ก็ได้
 
2.พิจารณาเรื่องของแหล่งจำหน่ายทราย และเรื่องของราคา
เมื่อทราบประเภททรายและจำนวนคร่าว ๆ แล้วจะง่ายขึ้นต่อการหาแหล่งจำหน่ายทราย และการเปรียบเทียบราคา เพราะแหล่งแต่ละแหล่งก็จะมีการจำหน่ายทรายที่อาจจะแตกต่างกันไปบ้าง คุณต้องดูด้วยว่าแต่ละแหล่งกำหนดรูปแบบการขายอย่างไร ทรายขายยังไงบ้าง ถ้าเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างทั่วไปในชุมชนก็เหมาะสำหรับงานก่อสร้างเล็ก ๆ แบบทั่วไปมักจะขายทรายเป็นถุงๆ เหมาะกับการก่อสร้างขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นงานก่อสร้างโครงการใหญ่ จำเป็นต้องใช้ทรายจำนวนมาก ก็แนะนำว่าให้ไปซื้อกับศูนย์ขายส่งหรือท่าทรายโดยตรงเลย ที่ขายทรายเป็นแบบคิวตามขนาดรถพ่วง 6 ล้อ ถึง 10 ล้อ ก็จะได้ราคาที่ดีกว่า 
 
 
3.คุณภาพของเม็ดทราย
หลังจากรู้แล้วว่าแต่ละที่ทรายขายยังไงบ้าง ขายรูปแบบไหน และราคาเท่าไหร่ ยังมีอีกสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วยก็คือ เรื่องของมาตรฐานคุณภาพของทราย ซึ่งตรงนี้หากเป็นการซื้อจากผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่เป็นท่าทรายก็จะได้เปรียบกว่า ตรงที่ผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้จะมีการคัดเกรดทรายตามประเภทมาให้เรียบร้อย แต่ถ้าเป็นร้านรายย่อย ส่วนใหญ่ก็จะรับมาจากแหล่งใหญ่อีกที ซึ่งเราไม่รู้แหล่งที่มาที่แน่ชัดทำให้บางครั้งอาจมีการคละปะปนกันจนทรายไม่ได้คุณภาพมาตรฐานตามต้องการก็เป็นไปได้เช่นกัน
 
 
ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาแหล่งทรายก่อสร้างราคาไม่แพง และเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ แนะนำเลยว่ามาซื้อได้ที่ K.G. ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย ชั้นนำ ที่คัดสรรแต่สิ่งดี ๆ มีคุณภาพ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างทุกรูปแบบไว้ให้คุณ รับรองเรื่องราคาว่าไม่แพงและคุ้มค่าเต็มพิกัดสุดๆ 
 

อยากได้แหล่งซื้อทรายถุงที่ไม่แพง มาเลยเรามีแหล่งจะบอก

         สำหรับทรายแล้ว นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญอย่างมากในงานก่อสร้าง คุณสมบัติและบทบาทของทรายในงานก่อสร้างก็คือ เป็นส่วนที่เข้าไปช่วยเพิ่มปริมาณของปูนคอนกรีต และยังเป็นส่วนที่เข้าไปช่วยเสริมความแน่นให้กับเนื้อปูน เพราะทรายจะเข้าไปช่วยอุดช่องโหว่ในเนื้อปูนทำให้ปูนเกาะกันมากขึ้น หลายคนอาจกำลังคิดถึงเรื่องการซื้อทรายถุงมาใช้ผสมปูนหรือถมที่อยู่ แต่ก็ไม่รู้จะซื้อที่ไหนดีถึงจะได้ราคาที่ไม่แพงมีความคุ้มค่า เราจึงอาสามาแนะนำให้
 
          จริง ๆ แล้วทรายถุงหรือทรายกระสอบนั้นหาซื้อได้ไม่ยากอยู่แล้ว มีขายตามร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างทั่วไปทุกแห่ง แต่ปัญหาก็คือถ้าร้านขายวัสดุก่อสร้างนั้นเป็นร้านเล็ก ๆ อยู่ตามชุมชน ไม่ได้เป็นร้านขนาดใหญ่ ทรายถุงที่นำมาจำหน่ายก็จะเป็นแบบขายราคาปลีก ขายแยกเป็นถุง ๆ ไป ราคาก็คิดกันตามถุงเพราะน้ำหนักแต่ละถุงไม่แน่นอน มีการบวกกำไรต่อถุงไปเรียบร้อย ซึ่งถ้างานก่อสร้างปรับปรุงอาคารหรือถมที่ของคุณเป็นงานเล็ก ๆ แบบซ่อมแซมบ้านนิดหน่อย หรือถมที่หน้าบ้านไม่กี่เมตร การซื้อทรายกระสอบแยกจำหน่ายเป็นถุง ๆ ตามร้านในชุมชนมาใช้แบบนี้ก็ไม่น่าหนักใจสักเท่าไหร่ ก็ถือว่าง่ายและสะดวกดี
 
 
          แต่ถ้าเป็นกรณีที่คุณต้องการทำงานก่อสร้างที่ค่อนข้างใหญ่และมีความสำคัญ อย่างการสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง หรือสำหรับผู้ที่มีอาชีพรับเหมางานก่อสร้างโดยตรงเลย การจะมาซื้อทรายกระสอบแบบแยกขายตามร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไปก็ดูจะมีต้นทุนที่ต้องจ่ายออกไปค่อนข้างสูง เรียกว่าไม่คุ้มราคาสักเท่าไหร่ หากต้องการใช้ทรายก่อสร้างจำนวนมาก ทางที่ดีคุณควรซื้อจากร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่จะดีกว่า เพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่าและคุ้มค่ามากกว่า หากคุณสามารถเข้าถึงแหล่งท่าทรายโดยตรงได้เลยก็ยิ่งดี เพราะจะได้ราคาทรายที่ถูกลงไปกว่าเดิมอีก อีกทั้งแหล่งท่าทรายหรือบ่อทรายมีการจำหน่ายทรายปริมาณมากในราคาส่งอยู่แล้ว ขายกันแบบคิวรถพ่วง จัดส่งตั้งแต่ 1 คันรถพ่วงขึ้นไป ตรงนี้จะได้ทรายปริมาณมากในราคาที่ดีกว่าการซื้อแยกตามร้านนั่นเอง
 
 
       ดังนั้นหากว่าคุณอยากได้ทรายมาใช้ในงานก่อสร้างขนาดใหญ่ อย่างสร้างบ้านและอาคารใหม่ งานก่อสร้างโครงสร้างอาคารที่อยู่อาศัยแนวตั้ง หรือต้องการปรับปรุงถนนและพื้นที่ทางเดินที่ต้องการใช้ทรายถุง แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อจากแหล่งไหนดี เราแนะนำให้มาที่ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย K.G. แหล่งจำหน่ายทรายชั้นนำ ที่พร้อมขายทรายคุณภาพคัดเกรดในราคาที่เป็นกันเองให้กับคุณ จะเลือกให้เราจัดส่งให้ หรือหากคุณเป็นบริษัทรับเหมาที่มีรถบรรทุกมารับเองก็สามารถติดต่อเราเพื่อรับราคาพิเศษขึ้นไปอีกได้เลย เพราะ K.G. คือแหล่งซื้อขายทรายที่คุ้มค่าที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก

ทรายกระสอบอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของงานก่อสร้าง

     สำหรับงานก่อสร้างทุกชนิดแล้ว ปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในงานนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ “ทราย” ทรายกระสอบนับเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ต้องมีในงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นงานซ่อมแซมปรับปรุงผนังหรือโครงสร้างอาคารบ้าน การปรับปรุงพื้น หรือการก่อสร้างในเรื่องของโครงสร้างตึกและอาคารพาณิชย์ เรียกว่างานก่อสร้างทุกประเภทจะขาดทรายไปไม่ได้ แล้วทรายมีสำคัญในด้านไหนบ้าง มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
 
     ทรายกระสอบที่ใช้ในงานก่อสร้างนั้น จะมีอยู่หลายแบบหลายประเภทด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนองค์ประกอบของเนื้อทรายนั้นก็จะมีหินบะซอลต์ หรือที่เรารู้จักในอีกนามว่าแร่ควอตซ์เป็นองค์กรประกอบหลัก ซึ่งแหล่งที่มาก็จะมาจาก 2 แหล่งหลัก ๆ คือทางบกและทางน้ำ ทางบกหรือจะเรียกว่าทรายบกก็ได้ เป็นทรายที่มาจากหินทรายที่อยู่ในสภาพแวดล้อมทั่วไปบนบก เกิดการแตกหักและกระจายฝังจมอยู่ในดิน ซึ่งแบบนี้ก็อาจจะมีซากพืชซากสัตว์ผสมปะปนอยู่ด้วย ส่วนแหล่งที่มาจากทางน้ำก็จะเกิดจากกระแสน้ำพัดพาเอาทรายที่อยู่ใต้น้ำไปกองรวมกันอยู่ที่บริเวณราบลุ่ม ซึ่งแหล่งซื้อทรายต่าง ๆ ก็จะนำทรายมาจากทั้งสองแหล่งและนำมาคัดแยกคัดเกรดกันอีกครั้ง
 
 
        ที่เราจำเป็นจะต้องซื้อทรายมาใช้ในงานก่อสร้างก็เพราะว่า ทรายมีส่วนสำคัญที่ทำให้ปูนเกิดความข้นเหนียวและเกาะตัวกันได้ดี ถ้าเป็นงานด้านโครงสร้าง ทรายจะมีส่วนช่วยในการอุดช่องว่างของปูนและคอนกรีตทำให้เกิดความแน่นหนาของเนื้อปูน ช่วยให้งานการก่อโครงสร้างมีความแข็งแรง ซึ่งจะทำให้เสาคานคอนกรีตรับน้ำหนักได้ดี หรือหากเป็นงานฉาบ ทรายก็จะช่วยให้ปูนมีความเหนียวเกาะตัว ทำให้สามารถฉาบได้เรียบหรือจัดแต่งรูปทรงได้ง่าย แต่ทั้งนี้ราคาทรายกระสอบก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณาควบคู่กันกับเรื่องของประเภททราย เพราะถ้าหากเป็นการใช้ทำงานในปริมาณมากก็ควรจะเลือกแหล่งขายที่ให้ราคาทรายกระสอบดีที่สุดด้วย ถึงจะทำให้ต้นทุนและงบประมาณการก่อสร้างไม่สูงจนเกินไป เพราะค่าทรายก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดงบประมาณในการก่อสร้างด้วยนั่นเอง
 
 
     เมื่อคุณรู้ถึงความสำคัญของทรายกระสอบในงานก่อสร้างแล้ว หากคุณกำลังต้องการซื้อทรายมาใช้ในงานของคุณ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อที่ไหนดีถึงจะได้ทรายคุณภาพดี และราคาไม่แพง ก็ลองติดต่อสอบถามเข้ามาได้ที่ ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย K.G. แหล่งจำหน่ายทรายรายใหญ่ที่พร้อมจำหน่ายให้คุณแบบเป็นคิว ทรายที่ทาง K.G. จำหน่ายเป็นทรายคัดเกรดคุณภาพได้มาตรฐาน เหมาะกับงานก่อสร้างทุกชนิด แถมจำหน่ายเต็มคิวในแบบที่คุณไว้วางใจได้ รับรองคุณจะประทับใจในความคุ้มค่า

มองหาที่ขายหินทรายก่อสร้าง เรามีร้านดี ๆ มาแนะนำรับรองได้ของคุณภาพคุ้มราคา

      ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา งานก่อสร้างเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ ในประเทศไทยเรานั้นเกิดการขยายตัวอย่างมาก โดยในระยะหลัง ๆ โครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในแนวตั้งนั้นได้รับความสนใจจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ทำให้งานในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้างตื่นตัวมาก ความต้องการด้านแรงงานมีมากพร้อมกับความต้องการด้านวัสดุก่อสร้างก็เยอะขึ้นตามไปด้วย หลาย ๆ บริษัทที่ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างเชิงพาณิชย์จึงได้พยายามเฟ้นหาที่ขายหินทรายก่อสร้างราคาดี ๆ ซึ่งครั้งนี้เราจะมาแนะนำหนึ่งที่ให้ได้รู้จักและเป็นตัวเลือกกัน
 
    ก่อนที่จะไปรู้จักกับแหล่งขายหินทรายก่อสร้างราคาดี ๆ ก็อยากจะย้ำเตือนก่อนว่าการให้ความสำคัญกับเรื่องราคาของวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใส่ใจ หินทรายราคาไม่แพงและมีคุณภาพดีเหมาะสมกับงาน เป็นหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยให้งานก่อสร้างนั้นเกิดความคุ้มค่า และได้ผลลัพธ์ของงานที่ออกมาดีตามต้องการ สิ่งสำคัญในงานก่อสร้างเชิงพาณิชย์ก็คือเรื่องของการกำหนดต้นทุนในการก่อสร้าง หินและทรายเป็นหนึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องคำนวณเป็นต้นทุนลงไปในการก่อสร้างงานต่าง ๆ ด้วยเสมอ ดังนั้น จำเป็นมากที่คุณจะต้องมีการค้นหาแหล่งขายหินก่อสร้างและแหล่งจำหน่ายทรายไว้ตั้งแต่ต้นทางก่อนเริ่มโครงการก่อสร้างงาน หรือการปรับปรุงอาคารต่าง ๆ เพื่อที่จะให้คุณสามารถควบคุมต้นทุนในการทำงานได้นั่นเอง
 
 
         แม้ว่าคุณอาจจะมีคอนเนคชั่นไว้กับร้านจำหน่ายอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง อิฐ หิน ดินทราย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าร้านที่คุณรู้จักจะจำหน่ายหินทรายราคาถูกกว่าแหล่งจำหน่ายใหญ่ ๆ ที่เป็นต้นทาง บางร้านอาจจะมีการรับมาจากต้นทางที่เป็นแหล่งหินหรือท่าทรายอีกทีหนึ่ง และนำมาขายแยกเป็นถุงเป็นกระสอบมีการปรับราคาเพื่อทำกำไรใหม่อีกครั้ง ฉะนั้น ถ้าคุณต้องการใช้หินทรายปริมาณมาก ๆ สำหรับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ และเป็นการก่อสร้างต่อเนื่องที่ต้องใช้ระยะเวลานาน การเข้าถึงแหล่งขายหินก่อสร้างและทรายสำหรับก่อสร้างโดยตรงเลยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า การมาซื้อจากร้านขายวัสดุก็สร้างก็เป็นได้
 
 
         แหล่งขายหินทรายก่อสร้างราคาดี ๆ ที่อยากแนะนำก็คือ ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย K.G. ที่มีพร้อมให้คุณทั้งหินและทรายสำหรับงานก่อสร้าง มีทั้งหินคลุกสำหรับปรับพื้นทำลานจอดรถหรือการนำไปทำอิฐบล็อก หินเกล็ดสำหรับการปูทำสวนหย่อม มีทรายหยาบสำหรับผสมปูน ทรายละเอียดสำหรับงานก่อและฉาบ อีกทั้งยังครบครันทั้งทรายถมและดินถมสำหรับการถมที่ทำถนน นับว่าเป็นแหล่งต้นทางที่คัดสรรมาแต่วัสดุคุณภาพดีและพร้อมส่งมอบให้คุณทุกคนในราคาที่พิเศษกว่า ใครต้องการหินทรายราคาดีมาที่นี่เลยคุณภาพคุ้มราคา รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง
 

การเลือกหินผสมปูนให้เหมาะกับงาน ควรพิจารณาเลือกอย่างไร

           หิน นับว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการก่อสร้างต่าง ๆ ทั้งใช้เป็นส่วนประกอบในการผสมปูนสำหรับการทำเป็นคอนกรีต และยังสามารถนำมาโรยเพื่อปูเป็นพื้นในรูปแบบต่าง ๆ ได้ด้วยนั่นเอง หินจึงนับเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผู้ประกอบการหรือคนที่กำลังต้องการจัดการเรื่องงานก่อสร้างต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน และหากว่าเราต้องการหินผสมปูนมาใช้กับงานก่อสร้างในแบบต่าง ๆ ของเรา ควรจะเลือกอย่างไรถึงจะเหมาะสมและได้ความคุ้มค่า มาดูกันเลย
 
1.ต้องรู้จักประเภทของหินที่จะใช้ในงานก่อสร้าง  
       หินที่เราเห็นกันอยู่นั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดก็สามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างได้ทั้งนั้น แต่ก็มีความเหมาะสมแตกต่างกันไป ซึ่งเราจะแบ่งประเภทหินและความเหมาะสมกับงานได้ดังนี้
 
  หินถมที่: หินแบบนี้อาจเรียกได้อีกอย่างว่าหินลูกรัง ลักษณะผิวจะดูหยาบ ๆ และมีเหลี่ยมเยอะ สีส่วนใหญ่จะออกน้ำตาล ขนาดจะค่อนข้างเล็ก ซึ่งใครต้องการใช้สำหรับงานถมถนน หินถมที่ถือว่าเหมาะสมทีเดียว
 
  หินคลุก: หินแบบนี้ก็จัดเป็นหินถมที่อีกเช่นกัน เพราะลักษณะจะเป็นหินปูนที่มีขนาดรูปร่างแตกต่างกันไปมาปน ๆ อยู่รวมกัน เนื่องจากขนาดและปริมาณแร่ธาตุที่อยู่ภายในไม่สม่ำเสมอ จึงไม่เหมาะกับการเป็นหินในการก่อสร้างนัก ใช้เป็นหินสำหรับถมทำถนนจะเหมาะสมที่สุด
 
   หินกรวด: ลักษณะจะเป็นหินเนื้อหยาบเช่นกัน ส่วนใหญ่จะใช้งานตกแต่งสวนและพื้นที่อาคารบ้านเรือน
 
  หินก่อสร้าง: เป็นหินที่เกิดจากการทับถมกันของตะกอนที่อยู่ใต้ทะเล ซึ่งมีทั้งการรวมของแร่ธาตุต่าง ๆ ซากพืชและสัตว์ รวมถึงสารอนินทรีย์มากมาย จึงทำให้หินแบบนี้มีความแข็งแกร่งมาก มีแร่ธาตุอยู่เต็มเปี่ยม และขนาดของหินก็จะเท่า ๆ กัน จึงเหมาะที่สุดที่จะใช้เป็นหินผสมปูนสำหรับงานก่อสร้าง ซึ่งหินแบบนี้ก็จะมีประเภทแยกย่อยออกไปตามลักษณะและขนาด จะมีตั้งแต่หิน 1 หิน 2 หินเกล็ด หินเขื่อน หินฝุ่น เป็นต้น
 
 
2.ต้องพิจารณาเรื่องของปริมาณและราคา
       หลังจากที่ทราบแล้วว่าคุณจะต้องใช้หินประเภทไหนกับงานก่อสร้างและปรับแต่งพื้นที่ของคุณ ต่อมาก็มาดูว่าปริมาณที่ต้องใช้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้พิจารณาเรื่องของราคาได้ ร้านขายหินทรายทั่วไปนั้นปกติจะแยกขายกันเป็นถุง ๆ ซึ่งหากใช้ในปริมาณไม่มากก็สามารถเลือกร้านที่ราคาถูกที่สุดได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากต้องใช้ในปริมาณมากสำหรับงานก่อสร้างใหญ่ ๆ ก็แนะนำให้ซื้อกับแหล่งที่ขายส่งเลยจะดีกว่า เพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่านั่นเอง
 
 
       เมื่อรู้แล้วว่าควรพิจารณาเลือกซื้อหินผสมปูนอย่างไร ถ้าหากคุณต้องการซื้อในปริมาณที่มากและยังไม่มีที่ไหนในใจ แนะนำให้มาที่ K.G. ศูนย์ขายหินทราย ชั้นนำ ที่พร้อมจำหน่ายหินทรายให้คุณในราคาส่ง รับรองสินค้าที่ได้เกรดมาตรฐานในราคาที่คุณต้องพอใจ มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้สินค้าดี ๆ ในราคาที่ไม่แพงอย่างแน่นอน
 

จะซื้อหินสร้างบ้าน ต้องรู้อะไรก่อนตัดสินใจซื้อ

     เปลี่ยนปี เปลี่ยนศักราชใหม่ หลายคนมีแพลนกำลังจะสร้างบ้านใหม่หรือปรับปรุงซ่อมแซมต่อเติมบ้านใหม่สำหรับการอยู่อาศัยของครอบครัว ส่วนบางคนก็ทำอาชีพเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างอยู่แล้ว พอถึงช่วงปีใหม่หรือช่วงเทศกาลสำคัญจึงมีงานก่อสร้างมากขึ้น แน่นอนว่าการเลือกวัสดุอย่างหินสร้างบ้านเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะลืมไปไม่ได้ การจะเลือกซื้อให้ได้ความเหมาะสม ควบคุมงบประมาณได้และเกิดความคุ้มค่าคุ้มราคาตามที่คิดไว้ จะต้องทำอย่างไร ควรต้องรู้อะไรบ้างก่อนตัดสินใจซื้อ ไปดูกันเลย
 
1.จะเลือกหินก่อสร้างให้เหมาะสมกับงาน ต้องรู้จักประเภทของหิน
     หินสร้างบ้านที่เราจะนำมาใช้ในงานก่อสร้างนั้น จริง ๆ แล้วก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน แต่ถ้าจะระบุให้เจาะจงลงไป หากต้องการใช้สำหรับการผสมปูนผสมคอนกรีต ก็สามารถเลือกใช้หินไล่ขนาดไปตั้งแต่ หิน 1 ไปจนกระทั่งถึง หิน 3/8 หรือที่เรียกกันว่าหินเกล็ด ลักษณะทางกายภาพของหินในกลุ่มนี้ผิวจะไม่เรียบมาก เพราะหินในกลุ่มนี้เกิดขึ้นจากการทับถมสะสมกันของตะกอนต่าง ๆ ใต้ท้องทะเล กินระยะเวลามาเนิ่นนานมาหลายปี  มีการสะสมทั้งน้ำดินและแร่ธาตุต่าง ๆ ไว้มากมาย ทำให้เนื้อหินมีความแข็งแกร่งเหมาะสำหรับการใช้ในงานก่อสร้าง หากคุณต้องการใช้สำหรับการก่อสร้างทั่วไปก็เลือกใช้หินกลุ่มนี้ตามขนาดที่ต้องการ ซึ่งแหล่งขายหินก่อสร้างทั่วไปก็มีจำหน่ายกันอยู่แล้ว
 
 
     หากว่างานของคุณเป็นประเภททำถนนและต้องถมที่ปูพื้นใหม่ทำทางใหม่ ก็แนะนำให้ใช้เป็นกลุ่มหินถมที่ ซึ่งก็จะเป็นหินลูกรัง หินคลุก จะเลือกใช้เฉพาะหินลูกรัง หรือจะใช้หินคลุกผสมร่วมกันก็ได้ ซึ่งหินถมที่เหล่านี้ก็จะมีความแข็งแกร่งของหินน้อยกว่าหินกลุ่มแรก เพราะแร่ธาตุในหินจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อคุณต้องชัดเจนก่อนว่างานของคุณจัดอยู่ในกลุ่มไหนและคุณจะต้องทำอะไรบ้าง
 
2.สืบทราบราคาให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจ
    แหล่งขายหินก่อสร้างมีอยู่ทั่วไป แต่ใช่ว่าทุกที่จะขายราคาไม่แพงเหมือนกันหมด ก่อนตัดสินใจซื้อคุณจึงควรไปสืบเสาะหาราคาจากหลาย ๆ ที่ก่อน เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด หรือได้ราคากลาง ๆ มาช่วยในการตัดสินใจ อย่ามองเอาความสะดวกอย่างเดียว บางทีที่ ๆ ใกล้คุณอาจจะไม่ใช่ที่ ๆ ราคาถูกที่สุดก็ได้
 

     แต่ถ้าคุณต้องการความมั่นใจว่าคุณจะได้หินสร้างบ้านที่คุณภาพดีมีมาตรฐานและขายในราคาไม่แพง เราขอแนะนำให้คุณมาที่ ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย K.G. ที่เดียวที่มีให้คุณพร้อมทั้งหินและทราย ตอบโจทย์สำหรับงานก่อสร้างของคุณทุกรูปแบบ พร้อมจัดจำหน่ายให้คุณแล้วในราคาขายส่ง แล้วคุณจะประทับใจทั้งเรื่องของคุณภาพและราคาที่ดีกว่าใคร

ถมที่ดินทำบ้านใหม่ ทำแบบไหนถึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน

      สำหรับบางคนแล้วอาจเป็นนักลงทุนในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเจอที่ดินเปล่าดี ๆ ก็ซื้อเก็บไว้สำหรับพัฒนาที่ดินสร้างที่อยู่อาศัยหรือทำสิ่งอื่นต่อไป ส่วนบางคนอาจโชคดีได้ที่ดินเปล่าเป็นมรดกจากครอบครัวมาอีกที พอถึงคราวและโอกาสก็อาจจะประสงค์ที่จะถมที่ดินเพื่อสร้างบ้านเรือนใหม่ หวังใช้เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวในภายหน้า แต่ทว่าการปรับปรุงที่ดินเพื่อสร้างบ้านหรืออาคารนั้น เป็นการลงทุนที่สูงไม่น้อยเลย มีหลายสิ่งหลายอย่างมากที่ต้องลงทุน แล้วจะต้องทำแบบไหนถึงจะคุ้มค่าการลงทุนในการนี้บ้างนะ
 
   สำหรับการถมที่ดินไม่ว่าจะเพื่อการสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือทำทางสัญจรก็ตาม ก็จะต้องมีการปรับปรุงพื้นที่และการลงทุนในเรื่องวัสดุอุปกรณ์รวมถึงแรงงานในการก่อสร้าง สิ่งที่จะต้องให้ความใส่ใจเป็นอันดับแรกเลยก็คือ เรื่องของการเลือกซื้อเลือกใช้วัสดุในการถมที่ หลัก ๆ ที่จะต้องลงทุนก็คือ ดินถม ทรายถม หินถมที่ และอาจจะมีส่วนของหินหรือดินลูกรังด้วยที่ต้องใช้ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ล้วนมีค่าใช้จ่ายและต้องการการวางแผนพอสมควร  ยิ่งที่ดินมีพื้นที่กว้างมากจำนวนเนื้อที่และหน้างานที่ต้องปรับปรุงเยอะดินทรายหรือหินถมที่ก็ต้องใช้จำนวนมากตามไปด้วยนั่นเอง
 
 
          สิ่งสำคัญก่อนที่จะเริ่มลงมือถมที่และตัดสินใจเลือกซื้อวัสดุต่าง ๆ มาถมที่สร้างบ้าน ต้องพิจารณาเรื่องของทำเลของที่ดินบริเวณนั้นด้วย ว่าเป็นบริเวณที่อุ้มน้ำ หรือเป็นที่ต่ำกว่าระดับน้ำหรือไม่ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยทราบกันมาบ้างว่ามีเหตุการณ์บ้านเกิดถล่มลงมาในช่วงที่ฝนตกหนัก ๆ เพราะทำเลบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ต่ำและอุ้มน้ำ รวมถึงการเลือกใช้ดินและหินถมที่ก็ไม่เหมาะสมสอดคล้องกับพื้นที่ จึงทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาได้ ซึ่งการลงทุนถมที่สร้างบ้านในลักษณะนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาดและไม่คุ้มค่าในการลงทุนอย่างยิ่งเลย การเลือกดินถมก็ควรเลือกพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพดินในบริเวณที่ดินตรงนั้นด้วย จริง ๆ แล้วสามารถใช้ได้ทั้งดินเปียกและแห้ง ดินแห้งถ้ามีการอัดให้แน่นก็สามารถใช้ได้ แต่แนะนำเบื้องต้นว่าควรพิจารณาเลือกดินเปียกเพราะจะแน่นกว่า ส่วนหินถมที่ก็ให้เลือกใช้เป็นหินคลุกผสมกับหินลูกรังก็จะทำให้พื้นที่มีความแน่นมากยิ่งขึ้น
 
 
       เมื่อคุณรู้แล้วว่าจะถมที่ดินต้องลงทุนกับอะไรบ้าง ทีนี้ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะไปเลือกซื้อวัสดุดังที่กล่าวมาได้จากที่ไหน แนะนำให้มาที่ท่าทราย KG ศูนย์จัดจำหน่ายหินดินทราย เพื่องานก่อสร้างและการถมที่ ที่พร้อมจัดจำหน่ายวัสดุคุณภาพมาตรฐานเพื่องานก่อสร้างทุกรูปแบบ หากคุณไม่สะดวกมารับ KG ก็พร้อมจัดส่งให้คุณทุกพื้นที่ สินค้าดีและบริการดีแบบนี้บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค่าสุด ๆ ไปเลย

รู้ไว้ไม่เสียหาย ดินถมที่ต้องเลือกซื้อประเภทไหนดีถึงจะเหมาะสมกับงาน

     อาจมีหลายท่านกำลังต้องการหาซื้อทราย หรือกำลังตระเวนสืบทราบราคาดินถมที่กันอยู่ เพราะมีความประสงค์ที่จะดำเนินการถมที่เพื่อสร้างตึกอาคารที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือทำถนนหนทางใหม่ แต่สิ่งสำคัญของดินและทรายในการใช้ถมที่นั้นไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของราคาทรายถมดินถมว่าแพงไหม หรือขายยังไง ยังมีส่วนอื่นที่คุณจะต้องพิจารณาด้วย อย่างในส่วนของดิน หากจะเลือกซื้อมาใช้ถมที่ก็ต้องเข้าใจดินถมนั้นมีหลากหลาย หากเลือกใช้ไม่เหมาะสมก็จะเป็นอุปสรรคต่อการงานถมที่และทำให้งานออกมาไม่ดีตามที่ต้องการ

     ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้อง หรืออยู่ในแวดวงงานก่อสร้างถมที่โดยตรง มักจะไม่ค่อยรู้ว่าดินถมที่มีหลายประเภท หลายคนเข้าใจไปว่าดินก็คือดิน ก็คงจะเหมือน ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้วดินถมไม่ได้มีแบบเดียว ซึ่งแต่ละแบบก็มีความเหมาะสมในงานถมที่แตกต่างกันไป มาดูกันเลยว่ามีกี่ประเภท
 
    ดินลูกรัง: ดินแบบนี้มีคุณสมบัติในเรื่องของความแน่น หากมีการบดอัดทับจะทำให้เกิดความแน่นได้ง่าย ดินแบบนี้เหมาะแก่การใช้ถมถนน หากต้องการถมที่ทำบริเวณลานจอดสามารถใช้ลูกรังได้เลย และถ้าจะทำพื้นที่สีเขียวเอาไว้เป็นโซนปลูกต้นไม้ ก็ให้เพิ่มดินเหนียวเข้าไปก็จะเกิดพื้นที่ที่มีความสมดุลมากขึ้น
 
       ดินถม: ลักษณะดินจะเป็นสีจาง ๆ ราคาไม่แพง จะเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อยไม่เหมาะกับการใช้ปลูกต้นไม้ แต่เหมาะสำหรับการใช้ถมที่โดยตรง
 
       ดินดาน: ลักษณะจะเป็นดินแห้ง มีแร่หินอยู่ในตัวสูงมีความแน่นสูง จึงเหมาะใช้สำหรับถมที่ดินริมน้ำหรือทำพื้นถนนโดยเฉพาะ
 
      หน้าดิน: ดินแบบนี้ลักษณะของเนื้อดินจะร่วน ๆ และค่อนข้างนุ่ม คุณสมบัติจะระบายน้ำได้ดี จึงเหมาะกับการใช้ปลูกต้นไม้ ถ้าหากจะใช้ถมที่ก็เหมาะแก่การถมทำพื้นที่ปลูกต้นไม้หรือทำสนามหญ้า
 
     ดินทราย: ดินแบบนี้ก้ำกึ่งกับทรายถม และบางคนอาจเรียกว่าทรายถมเลย คือเป็นทรายกับดินปนกัน โดยจะมีปริมาณทรายมากกว่าเนื้อดินถึง 70% ราคาทรายถมนั้นค่อนข้างถูก ดินทรายแบบนี้หากจะนำมาใช้ถมที่จำเป็นจะต้องผ่านการบดอัดให้แน่นก่อนถึงจะเหมาะกับการใช้งาน โดยปกติแล้วโครงการบ้านจัดสรรต่าง ๆ จะเลือกซื้อทรายถมแบบนี้ไปใช้ เนื่องจากใช้งานได้หลากหลายและราคาไม่แพง
 
 
     ทั้งหมดนี้คือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับดินถมที่ซึ่งรู้ไว้ย่อมไม่เสียหาย หากคุณสนใจจะซื้อหินทรายสำหรับการถมที่ และยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปซื้อที่ไหน มาที่ K.G. ศูนย์จำหน่ายหินทรายและดิน สำหรับถมที่ ที่พร้อมจำหน่ายให้คุณในราคาพิเศษสุด ๆ คุณภาพสินค้าไว้วางใจได้ จำหน่ายเต็มคิวและยังพร้อมบริการจัดส่งคุณถึงหน้างานเลยด้วย
 
 

ข้อมูลที่ควรรู้ ก่อนจะลงทุนซื้อดินถมที่

     ที่ดินเก่ารกร้างหากไม่มีการบริหารจัดการถมที่ หรือปรับปรุงพื้นที่ใหม่ ก็คงจะไร้ประโยชน์อยู่เช่นเดิม ซึ่งก็น่าเสียดาย เพราะเดี๋ยวนี้การขยายตัวของประชากรเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้เกิดความแออัด พื้นที่ว่างเปล่าทุกตารางเมตรจึงมีความสำคัญ หากมีการจัดสรรให้ดีพื้นที่เหล่านั้นก็จะเกิดประโยชน์ต่อผู้คนและสร้างมูลค่าในระยะยาวให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของได้ ตอนนี้จึงมีบางคนที่เริ่มคิดที่จะซื้อทราย หรือลงทุนซื้อดินถมที่ แต่คุณจะรู้หรือไม่ว่าดินหรือทรายที่จะใช้สำหรับการถมที่นั้นมีให้เลือกใช้หลายแบบ ที่เราเห็นว่าเป็นดินเป็นทรายเหมือน ๆ กันนั้นแท้จริงมีความแตกต่างกัน แล้วแบบนี้จะเลือกแบบไหนดี

ถ้าจะซื้อดินถมที่เพื่อจัดสวนก็ควรเลือกใช้ “หน้าดิน”
     ดินที่เป็นส่วนของหน้าดินนั้น จะมีลักษณะเป็นดินที่มีความร่วนสีคล้ำดำ เนื้อมีความพรุนและนุ่ม จึงไม่อุ้มน้ำแต่สามารถเก็บความชื้นไว้ได้นาน เนื้อดินจะค่อนข้างแห้ง ถ้ามีการอัดดี ๆ ก็จะทำให้เกิดความแน่นและเนื้อดินส่วนนี้จะมีสารอาหารเยอะ ทำให้เหมาะแก่การใช้ปลูกต้นไม้ จัดเป็นพื้นที่สวน ซึ่งการที่หน้าดินมีความพรุนนี่เองจึงเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของต้นไม้ ต้นไม้ใหญ่ ๆ จะสามารถฝังรากลงไปและชอนไชไปตามช่องว่างของดินได้ดีนั่นเอง และหากต้องการสวนที่เรียบมากขึ้นก็ให้ซื้อทรายถม มาถมทับในชั้นบนอีกทีก็จะทำให้พื้นเรียบมากขึ้น
 
หากจะถมพื้นที่หลุมบ่อก็ควรใช้ “ทราย”
     บางพื้นที่อาจมีหลุมมีบ่อเยอะ ซึ่งปล่อยไว้ก็อันตราย หากจะถมที่ดินที่เป็นบริเวณหลุมบ่อแบบนี้แนะนำให้ซื้อทรายถม ไม่ควรเลือกใช้ดิน เพราะทรายถมนั้นจะเป็นทรายที่มีเนื้อดินปะปนอยู่ ด้วยบริเวณเนื้อทรายที่มีมากกว่าดินทำให้สามารถแทรกตัวเข้าไปอุดช่องว่างต่าง ๆ ได้ดี ในขณะเดียวกันก็มีดินช่วยเสริมความแน่น ทำให้ถมแล้วไม่มีการทรุดตัวนั่นเอง
 
หากจะถมที่ทำถนนควรใช้ “ลูกรัง”
     ลูกรังหรือดินลูกรังนั้น หากมีการนำมาผ่านการบดอัดแล้วเนื้อจะแน่นมาก มีความแข็งแรงจึงเหมาะกับการนำมาถมที่ทำถนน ทำลานจอดรถ เนื่องจากจะทำให้พื้นที่มีความคงทนไม่ทรุดไม่แตกง่ายนั่นเอง
 
 
     เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ทุกท่านควรรู้ก่อนจะลงทุนซื้อดินถมที่ ซึ่งหวังว่าคงพอที่จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังวางแผนถมที่ปรับปรุงพื้นที่ของตนอยู่ และหากคุณต้องซื้อดินซื้อทรายสำหรับถมที่แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นซื้อจากที่ได้ ขอเชิญคุณมาที่ท่าทราย KG ศูนย์จัดจำหน่ายหินดินทราย สำหรับการก่อสร้างและงานถมที่ ซึ่งคุณจะได้สินค้าคุณภาพราคาดี ได้ความคุ้มค่าและความประทับใจกลับไป มั่นใจได้เลย
 

หินคลุก เหมาะสมกับการนำมาใช้ในงานก่อสร้างแบบไหนบ้าง

       สำหรับงานก่อสร้างแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่า มีงานแบ่งแยกย่อยออกไปได้หลายสาขา ทั้งงานก่ออิฐฉาบปูน งานด้านโครงสร้างอาคาร งานฉาบตกแต่ง รวมไปถึงงานการถมที่และปรับปรุงพื้นที่ถนนหนทางด้วย สำหรับสิ่งสำคัญในงานก่อสร้างนอกจากเรื่องของฝีมือแรงงานแล้ว วัสดุอุปกรณ์ก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากเหมือนกันในงานก่อสร้าง การจะเลือกซื้อหินดินทราย หรือปูนในการก่อสร้าง จึงต้องพิจารณาความเหมาะสมในหลายเรื่อง อย่างถ้าไปที่แหล่งขายหินก่อสร้าง เรามักจะได้เห็นหินอยู่ชนิดหนึ่ง นั่นคือ “หินคลุก” แต่หินชนิดนี้ก็มักไม่ได้ถูกนำมาใช้กับงานก่อสร้างทั่วไป แล้วแหล่งขายหินก่อสร้างทำไมถึงมาจำหน่ายด้วยนะ ไปทำความรู้จักกับหินชนิดนี้เพิ่มเติมกันดีกว่า

      หินคลุกนั้นจะเป็นหินประเภทหินปูน มีขนาดและรูปร่างของเม็ดหินแต่ละเม็ดที่คละกัน คือ ขนาดและรูปร่างจะไม่สม่ำเสมอ เล็กบ้างใหญ่บ้าง กลมบ้าง ยาวรีบ้าง ด้วยที่มีขนาดและรูปร่างคละกันนี่เอง ทำให้ความสมบูรณ์ของแร่ธาตุในเนื้อหินเกิดความไม่สม่ำเสมอ ทำให้จำเป็นจะต้องมีการนำหินชนิดนี้มาแบ่งเกรดย่อยลงไปอีกเพื่อที่จะได้เหมาะกับการนำไปใช้งาน ซึ่งโดยปกติแล้วด้วยความที่มีแร่ธาตุในเนื้อหินไม่คงที่นี่เอง จึงทำให้หินชนิดนี้ไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในงานก่อสร้างในกลุ่มงานโครงสร้างก่ออิฐถือปูน หรือการนำมาผสมกับปูน เพราะจะทำให้ปูนไม่เป็นเนื้อเดียวกัน และปูนจะไม่เกาะกันแน่นตามที่ต้องการ ซึ่งนั่นจะทำให้การก่อสร้างไม่เกิดความแข็งแรงนั่นเอง
 
      แต่บทบาทและหน้าที่สำคัญของหินชนิดนี้ก็คือ การใช้เป็นหินถมที่ ทำให้หลายคนเรียกหินชนิดนี้ว่าหินถมที่นั่นเอง โดยปกติแล้วก็จะมีการนำหินชนิดนี้ไปใช้ร่วมกับดินลูกรัง นำมาคละผสมกันและนำไปใช้ถมที่สำหรับทำถนนหนทาง บางคนก็ทำการปรับพื้นที่บริเวณที่พักอาศัย ใช้ปรับพื้นทำลานจอดรถก็ได้ นอกจากคุณสมบัติในเรื่องของการใช้ถมที่ทำทางแล้ว หินชนิดนี้ยังสามารถนำไปใช้กับก่อทำอิฐบล็อกได้ด้วย ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญไม่น้อยในงานก่อสร้างเหมือนกันนะ
 
 
       ดังนั้น หินคลุกจึงเหมาะสมกับการใช้ในงานถมที่ หากใครคิดที่จะถมที่ดินของตนเองเร็ว ๆ นี้ก็เตรียมเลือกหินชนิดนี้ไว้ใช้ได้เลย ถ้าคุณยังไม่รู้จะไปหาซื้อหินชนิดนี้ให้ได้ราคาดี ๆ ที่ไหน มาเลยที่ ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย K.G.  ที่พร้อมนำเสนอสิ่งดี ๆ ที่คุณต้องการ ทั้งหินดินทรายสำหรับงานก่อสร้าง ราคาก็ดี คุณภาพก็เยี่ยม เปี่ยมด้วยมาตรฐานและความคุ้มค่า แถมพร้อมส่งมอบให้คุณทุกคนถึงหน้างาน หนึ่งทางเลือกดี ๆ ที่คุณควรเก็บไว้พิจารณา

หินเกล็ด หินที่เหมาะสมกับงานปูทางและงานตกแต่งสวนสวย

         หินนับว่าเป็นหนึ่งองค์ประกอบจำเป็นในงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นงานโครงสร้างก่ออิฐถือปูน งานฉาบตกแต่งผนัง หรือแม้กระทั่งงานปูพื้นถมที่ ที่จะต้องมีหินเป็นส่วนประกอบในงานด้วยทั้งสิ้น ซึ่งหินชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในทุกแหล่งขายหินก่อสร้างก็คือ “หินเกล็ด” หินชนิดนี้จัดได้ว่าเป็นหินก่อสร้างที่ใช้กันบ่อยมาก แถบจะเรียกว่ามีใช้กันในทุกงานก่อสร้างเลยทีเดียว หลัก ๆ แล้วก็จะมีการนำไปใช้ในการผสมปูน ผสมคอนกรีตเป็นหลัก แต่นอกเหนือจากนั้นหินชนิดนี้ยังสามารถนำมาใช้ในบทบาทอื่นในงานก่อสร้างได้อีกด้วย
 
          หลายคนอาจจะลืมกันไปว่างานปูทางทำพื้น ปูพื้นสำหรับจะทำสวนหย่อม ไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ๆ ในรั้วบ้านก็ตาม ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้หินพิเศษสวยงามอย่างหินกรวดเสมอไปก็ได้ เพราะหินที่มีการคัดเกรดแบบสวยงามนั้นราคาก็จะสูงตามขึ้นมาด้วย การปูพื้นตกแต่งสวนหย่อมสวย ๆ สามารถใช้หินเกล็ดแทนก็ได้เช่นกัน ซึ่งในด้านราคาก็จะถูกกว่าและในด้านของทัศนียภาพความสวยงามในงานก็ไม่ได้ด้อยกว่าการใช้หินพิเศษอย่างหินกรวดเลย ที่สำคัญใช้ได้หลากหลาย ตั้งแต่เททับหลัง จะใช้ผสมกับยางมะตอยก็ได้ จะใช้เททับหน้าหรือใช้เป็นการโรยตามทางเดินก็ได้ นอกจากนั้นแล้วหินแบบนี้หาซื้อได้ไม่ยาก มีจำหน่ายทุกร้านขายหินก่อสร้าง ไม่เหมือนหินกรวดที่บางร้านขายวัสดุก่อสร้างอาจไม่มี จะซื้อทีก็ต้องสั่งล่วงหน้า การซื้อหินแบบเกล็ดหรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าหิน 3/8 นิ้วนี้มาใช้ จึงมีข้อดีอยู่หลายประการ
 
 
          จริง ๆ แล้วหิน 3/8 นิ้วมีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายจุด อย่างแรกก็คงต้องยกให้เรื่องของความแข็งแกร่ง เนื่องจากหินชนิดนี้ต้นกำเนิดเลยจะมาจากการการทับถมกันของตะกอนใต้ทะเล หินจึงมีการดูดซับทับถมเอาทั้งน้ำ ทราย แร่ธาตุ ซากพืชและสัตว์เอาไว้ จนเนื้อหินมีความแกร่ง และมีผิวที่ค่อนข้างสวยงาม จึงเป็นหินที่ใช้งานได้หลากหลาย ถ้าเอามาปูพื้นก็ทำให้พื้นแน่น ตัวหินไม่แตกเสียหายง่าย ไม่บาดเท้า คือ เรียกว่าไม่ได้มีดีแค่เรื่องความสวยงามแต่ยังมีความแกร่งทนทานมากกว่าหินกรวดด้วย ด้วยเหตุนี้แหล่งขายหินก่อสร้างต่าง ๆ จึงไม่เคยพลาดที่จะนำมาประจำร้านเอาไว้นั่นเอง
 
 
          คุณคงพอได้ไอเดียกันไปบ้างแล้วหากคิดจะปูพื้นจัดสวนสวย ๆ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้หินกรวดเสมอไป หินเกล็ดก็สามารถใช้ได้โดยความสวยงามไม่ด้อยลงไป ใครที่สนใจต้องการสั่งซื้อหินแบบนี้จำนวนมากสามารถสั่งซื้อได้เลยที่ท่าทราย KG ศูนย์จัดหน่ายหินดินทราย สำหรับงานก่อสร้างทุกสไตล์ ที่พร้อมมอบสินค้าคุณภาพมาตรฐาน ตรงตราชั่งและราคาที่พิเศษกว่าใคร แล้วคุณจะประทับใจถ้าซื้อจาก KG

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ ตรวจสอบคุณสมบัติของทรายสำหรับงานก่อสร้างให้ดี ก่อนตัดสินใจเลือกใช้

      ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้างขนาดเล็กตามบ้านเรือนทั่วไป หรือเป็นงานก่อสร้างโครงการใหญ่แบบหมู่บ้านจัดสรรคอนโดมิเนียม หรือการทำถนนก็ตาม ปัจจัยหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ทราย” ซึ่งทรายสำหรับงานก่อสร้างนั้นก็มีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีเกรดหรือคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานแตกต่างกันไป ซึ่งการเลือกซื้อ ใช่ว่าจะนึกถึงร้านขายทรายใกล้ฉันแล้วไปซื้อมาใช้งานเลยโดยไม่พิจารณาอะไร การทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณได้ทรายมาใช้งานแบบไม่คุ้มค่า ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าก่อนจะเลือกซื้อต้องดูคุณสมบัติของทรายในเรื่องอะไรบ้าง

      ร้านหรือสถานที่จำหน่ายทรายรายใหญ่ ๆ นั้น ส่วนใหญ่มีทรายสำหรับงานก่อสร้างจำหน่ายแถบจะครบทุกประเภทอยู่แล้ว เวลาคุณจะไปติดต่อซื้อก็ควรพิจารณาคุณสมบัติของทรายตามแต่ละประเภทดังนี้
 
     ทรายหยาบ: ให้พิจารณาดูว่าเป็นทรายเม็ดใหญ่แค่ไหน ทรายหยาบที่เหมาะกับการนำไปใช้งาน เม็ดทรายควรมีขนาดค่อนข้างใหญ่เห็นชัด หากต้องการมาตรฐานแบบเป็นทางการเพื่อระบุสเปกสำหรับงานก่อสร้างของราชการหรืองานเอกชนโครงการใหญ่ ๆ ก็ให้เลือกใช้ความหยาบความละเอียด (Fineness Modulus) อยู่ที่ประมาณ  2.6-3.0
 
       ทรายละเอียด: ทรายแบบนี้เหมาะสำหรับงานฉาบตกแต่งผนัง แบบนี้เวลาเลือกจากร้านจำหน่ายทรายก็ต้องดูในเรื่องของความละเอียดของเนื้อทราย เนื้อทรายจะต้องมีขนาดเล็กและมีความละเอียดสูง หากต้องการมาตรฐานแบบเป็นทางการก็ให้เลือกทรายก่อสร้างประเภทนี้ที่มีค่า Fineness Modulus อยู่ที่ประมาณ 1.2-1.4
 
       ทรายถม: ทรายก่อสร้างประเภทนี้จะใช้ปรับพื้นถมที่ หรือใช้สำหรับใส่ถุงกระสอบเอาไว้ทำแนวกั้นน้ำท่วม ทรายแบบนี้ไม่ได้เน้นไปที่งานก่ออิฐถือปูน จึงไม่ต้องการความละเอียดหรือมาตรฐานอะไรมากนัก แต่อย่างไรก็ดี ทรายถมที่ดีเหมาะกับการใช้งานถมที่หรือทำแนวกั้นน้ำจำเป็นจะต้องเป็นทรายที่มีดินผสมอยู่บ้าง อัตราส่วนที่เหมาะควรเป็นทราย 70% และ ดิน30% ซึ่งเวลาคุณไปเลือกซื้อร้านจำหน่ายทรายก็อย่าลืมที่จะพิจารณาในส่วนนี้ด้วย เพื่อที่จะได้ทรายที่เหมาะกับการใช้งานจริง ๆ
 
 
     เหล่านี้คือหลักการตรวจสอบพิจารณาคุณสมบัติของทรายสำหรับงานก่อสร้าง เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรต้องรู้เวลาไปเลือกซื้อทรายที่ร้านจำหน่ายทรายทั่วไป หากว่าคุณมองว่าสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องการสถานที่จำหน่ายที่สามารถมอบทรายและวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพมาตรฐานมาให้เลยแบบไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งศึกษาและไปเลือกสเปกเอง ถ้าเช่นนั้นแนะนำให้คุณมาซื้อเลยที่ KG ศูนย์จัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างหิน ดิน ทราย ที่พร้อมมอบสินค้าคุณภาพมาตรฐานในราคาที่เป็นกันเองไว้ให้คุณทุกคน เราคัดสรรสิ่งดี ๆ คัดเกรดคุณภาพไว้ให้คุณเรียบร้อย แล้วคุณจะพบความง่ายและความสะดวกสบายที่ไม่เหมือนใคร แถมเรายังพร้อมมอบความพิเศษให้ด้วยการจัดส่งถึงหน้างาน พิเศษกว่าใครเช่นนี้ อยู่ที่ KG ที่เดียวเท่านั้น

ราคาทรายหยาบที่เราจ่ายไป คุ้มค่าหรือไม่ พิจารณาจากอะไรดี

        ในงานก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นงานในด้านไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องมีและต้องใช้เป็นองค์ประกอบในงานเสมอเลยก็คือ “ทราย” ไม่ว่าจะเป็นงานก่ออิฐ งานปูน งานฉาบ และแม้กระทั่งงานปรับพื้นผิวถนน ล้วนต้องใช้ทรายในการทำงานด้วยทั้งสิ้น เรียกว่ามีงานก่อสร้างที่ไหนก็ต้องมีการซื้อทรายที่นั่น ซึ่งในงานก่อสร้างประเภทสร้างตึกอาคาร ทำโครงสร้างอาคารพาณิชย์ งานคอนกรีต งานสร้างคอนโดมิเนียม ทรายที่จะใช้ในงานจะเป็นทรายหยาบ คำถามสำคัญก็คือ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาทรายหยาบที่เราจ่ายไปแพงหรือถูก คุ้มหรือไม่คุ้มค่าอย่างไร เรามีคำแนะนำในเรื่องนี้มาฝาก
 
            แน่นอนว่าเวลาที่เราจะไปสั่งซื้อทรายสำหรับงานก่อสร้างใหญ่ ๆ นั้น เรื่องราคาทรายเป็นเรื่องแรก ๆ ที่เราต้องคำนึงถึง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาทรายหยาบที่เราจะจ่ายไปมานั้นคุ้มค่าแล้วหรือไม่ สิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาก็คือ คุณจำเป็นจะต้องศึกษาเรื่องของการดูคุณภาพทรายหยาบที่จะต้องใช้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรมีความรู้พื้นฐานเบื้องต้นในการเลือกไว้บ้าง พิจารณาเบื้องต้นง่าย ๆ ก็คือ ทรายหยาบที่เหมาะสมกับงานก่อสร้างด้านโครงสร้างอาคารนั้น ต้องมีเม็ดทรายที่ค่อนข้างใหญ่ คือ มองด้วยตาเปล่าก็เห็นได้ชัดเจนว่าใหญ่ ตัวเม็ดทรายควรมีเหลี่ยมมุม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นแร่ธาตุที่ฝั่งอยู่ในเม็ดทราย แต่ถ้าหากจะพิจารณากันแบบละเอียดก็ควรจะต้องมีการวัดเกรดทราย ทรายหยาบที่เหมาะสมกับงานผลิตคอนกรีตนั้นควรมีความความหยาบละเอียด (Fineness Modulus) อยู่ที่ประมาณ 2.6-3.0 ซึ่งถ้าได้ตามมาตรฐานประมาณนี้ก็ถือว่าคุณภาพใช้ได้
 
 
             เมื่อคุณทราบเรื่องคุณสมบัติและมาตรฐานของทรายหยาบแล้วค่อยมาเปรียบเรื่องราคาทราย อาจจะเปรียบเทียบดูจากหลาย ๆ ที่ก่อนค่อยตัดสินใจซื้อ ซึ่งการเปรียบเทียบนั้นจะต้องดูเทียบเคียงไปกับคุณภาพและสเปกของทรายด้วย ซึ่งการดูคู่กันแบบนี้จะทำให้คุณสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน ว่าทรายหยาบจากแหล่งไหนร้านไหนบ่อไหนที่มีคุณภาพ บางที่ราคาอาจจะสูงกว่ากันไม่มาก แต่คุณภาพมาตรฐานมั่นใจได้มากกว่า เลือกซื้อมาก็ยังถือว่าเป็นความคุ้มค่าอยู่นั่นเอง
 
 
            ขอให้คุณอย่าลืมว่าทรายหยาบนั้นเหมาะสมกับงานก่อสร้างโครงสร้างอาคาร ซึ่งงานในด้านนี้ก็ต้องเน้นในเรื่องของความปลอดภัยของผู้ที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ ดังนั้นการสั่งซื้อทราย จะดูแค่เรื่องของราคาทรายหยาบที่ถูกที่สุดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคำนึงถึงคุณภาพด้วยถึงจะได้ความคุ้มค่าจริง ๆ ซึ่งถ้าคุณต้องการความมั่นใจว่าทรายหรือวัสดุก่อสร้างประเภทดินทรายเป็นวัสดุคุณภาพที่ได้มาตรฐานที่แน่นอน ขอแนะนำให้คุณสั่งซื้อจาก ศูนย์จัดหน่ายหินดินทรายชั้นนำอย่าง KG ดีทั้งคุณภาพและราคา บอกเลยว่าคุ้มค่าตามมาตรฐานอย่างที่คุณต้องการแน่นอน
 

ทรายกระสอบสำหรับงานฉาบและการทำอิฐมวลเบา เลือกแบบไหนที่ใช่ที่สุด

   ในระยะหลัง ๆ มานี้งานก่อสร้างบ้านเรือนต่าง ๆ หรือห้องต่าง ๆ ของบ้านมีความนิยมในการใช้อิฐมวลเบาในการสร้างมากขึ้น เนื่องจากอิฐมวลเบานั้นนำความร้อนต่ำ จึงทำให้ห้องไม่ร้อน เป็นการช่วยประหยัดไฟฟ้าและพลังงานในบ้านด้วยนั่นเอง หลังจากใช้อิฐมวลเบาก่อผนังแล้วก็ย่อมต้องมีการฉาบผนังให้เรียบและสวยงาม ซึ่งทั้งสองงานในการก่อสร้างนี้ล้วนต้องอาศัยทรายหรือทรายกระสอบเป็นองค์ประกอบในงานด้วยแต่จะซื้อทรายแบบไหนถึงจะเหมาะกับงานก่อสร้างทั้งสองแบบนี้มาหาคำตอบกัน

      มาดูในมิติแรกสำหรับงานฉาบแล้ว ซึ่งเป็นงานที่ต้องการความสวยงามความเรียบก็ต้องใช้ทรายละเอียดผสมลงไปในปูนด้วยก่อนฉาบ หากใช้เป็นทรายหยาบเนื้อปูนจะไม่เรียบ ทำให้การฉาบให้เรียบนั้นทำได้ยาก รวมไปถึงการฉาบแบบตกแต่งลวดลายก็จะทำได้ยาก ดังนั้นใช้ทรายแบบละเอียดเม็ดทรายเล็กจะเหมาะสมกับงานในด้านนี้มากที่สุดนั่นเอง

       ในอีกด้านหนึ่งในเรื่องการทำอิฐมวลเบานั้นแม้จะมีข้อดีข้อเด่นมากมาย แต่ในเรื่องของราคานั้นก็ถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว ทำให้บางร้านที่ขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างมีการทำอิฐมวลเบาขึ้นมาเอง เพื่อจัดจำหน่าย หรือถ้าเป็นบริษัทผู้รับเหมาบางแห่งก็ต้องการประหยัดต้นทุนจึงเลือกที่จะไม่ซื้อ แต่หันมาเลือกวิธีทำอิฐมวลเบาขึ้นมาใช้เองด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนประกอบสำคัญในการทำอิฐมวลเบานั้น จะต้องมีทรายเป็นส่วนประกอบ และทรายกระสอบที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับการทำอิฐมวลเบาก็คือทรายละเอียด เพราะทรายละเอียดจะมีเม็ดทรายที่เล็ก เนื้อทรายที่มีความละเอียดสูงทำให้เมื่อเวลาผสมกับปูนแล้วสามารถแทรกตัวเข้าไปอุดช่องว่างในเนื้อปูนได้ ช่วยให้ปูนเกาะตัวกันแน่นหนามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้เนื้อปูนเกิดการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ถึงกับเชื่อมกันจนแนบสนิทมากเกินไป จนได้อิฐมวลเบาที่มีความแข็งแรงและระบายความร้อนได้ดีนั่นเอง

 
       ถึงตรงนี้คุณคงได้คำตอบกันแล้วว่า การจะไปซื้อทรายมาใช้สำหรับงานฉาบและงานก่ออิฐมวลเบา ควรเลือกทรายแบบไหนถึงจะใช่ที่สุด และถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาซื้อทรายกระสอบที่เหมาะกับงานของคุณจากที่ไหน ก็ขอแนะนำศูนย์จำหน่ายหินดินทรายแนวหน้าอย่าง KG ที่เต็มที่ทั้งสินค้าหินดินทรายมาตรฐานชั้นดีสำหรับงานก่อสร้างทุกรูปแบบ สินค้าคุณภาพที่จำหน่ายเต็มคิวตรงตราชั่ง ราคาที่ยุติธรรม และพร้อมจัดส่งให้กับคุณในทุกพื้นที่ หากคุณต้องการหินดินทรายสำหรับงานก่อสร้างในปริมาณมาก มาที่ KG ได้เลย รับรองคุณจะได้ความคุ้มที่สุดกลับไปพร้อมกับความประทับใจ

ทรายสำหรับงานก่อสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ควรเลือกแบบไหนดี

      การที่เทคโนโลยีพัฒนาไปรวดเร็วทำให้สังคมเกิดการพัฒนาตัวไปอย่างรวดเร็ว ในเขตที่เป็นเมืองใหญ่ก็กลายเป็นศูนย์กลางความเจริญ มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสของชีวิตจำนวนมาก นั่นทำให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น ความสะดวกรวดเร็วของการเดินทางสัญจรต้องมากขึ้น ระบบขนส่งมวลชนก็ต้องมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้งานก่อสร้างโครงสร้างตึกอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งงานก่อสร้างในด้านนี้จำเป็นมากที่จะต้องใช้ทรายสำหรับงานก่อสร้างโดยเฉพาะ แต่ทว่าควรจะเลือกทรายแบบไหน ถึงจะเหมาะที่สุดกับงานด้านคอนกรีตเสริมเหล็ก

         งานก่อสร้างอาคารและงานทำคอนกรีตเสริมเหล็กนั้น สิ่งสำคัญก็คือเรื่องของความแข็งแรง ทรายสำหรับงานก่อสร้างแบบนี้ก็คือ ทรายหยาบ เพราะเป็นทรายที่มีขนาดเม็ดทรายใหญ่ และในเนื้อเม็ดทรายแต่ละเม็ดนั้นมีแร่ธาตุที่สำคัญอยู่หนาแน่น ซึ่งนั่นทำให้ทรายแบบนี้มีความแกร่งอยู่ในตัวเอง เมื่อนำมาผสมกับปูนก็จะยิ่งทำให้งานคอนกรีตมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ปูนจะเกาะตัวกันแน่นมากขึ้น ช่วยให้เวลาทำงานคอนกรีตเสริมเหล็กเกิดความมั่นคงแน่นมากขึ้นด้วยนั่นเอง ซึ่งร้านขายวัสดุก่อสร้างทุกแห่งก็ล้วนมีขายทรายหยาบกันทุกร้านอยู่แล้ว จึงเป็นทรายที่หาซื้อได้ไม่ยากและราคาก็ไม่แพงจนเกินไป
 
             แต่อย่างไรก็ดีร้านที่ขายทรายหยาบแต่ละร้านก็จะมีความแตกต่างกันไป ตั้งแต่เรื่องของรูปแบบการจำหน่าย คุณภาพของทรายไปจนกระทั่งถึงเรื่องของราคา ถ้าเป็นร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างเล็ก ๆ ทั่วไปส่วนใหญ่จะขายทรายหยาบในรูปแบบทรายบรรจุถุงหรือขายกันเป็นกระสอบ ซึ่งแน่นอนว่าการขายแบบนี้ซื้อง่ายขายคล่องเคลื่อนย้ายได้ง่ายสะดวกต่อการขนส่ง แต่ก็เหมาะสำหรับใช้กับงานเล็ก ๆ ตามบ้านทั่วไป หากว่าเป็นงานระดับโครงการใหญ่สร้างตึกอาคารคอนโดมิเนียม สร้างบ้านในหมู่บ้านจัดสรร หรือทำทางยกระดับต่าง ๆ การซื้อทรายหยาบแบบบรรจุถุงแบบนี้ก็อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เพราะจะไม่สะดวกในการใช้งาน และจะได้ราคาที่แพงกว่าการซื้อแบบคิวรถบรรทุกตามแหล่งขายส่งนั่นเอง
 
 
            สรุปก็คือ ถ้าคุณต้องการใช้ทรายสำหรับงานก่อสร้างอาคาร ทำคอนกรีตเสริมเหล็กต่าง ๆ ทรายที่คุณควรเลือกใช้ก็ควรเป็นทรายหยาบ และควรจะเลือกซื้อจากแหล่งจำหน่ายที่ขายราคาส่งให้จะเหมาะสมที่สุด ซึ่งถ้าคุณต้องการแหล่งจำหน่ายทรายที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ ก็ขอแนะนำมาที่ ท่าทราย KG หนึ่งในบริษัทที่จำหน่ายหินดินทรายเพื่องานก่อสร้าง ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายใหญ่มาแล้วทั่วประเทศ ซึ่งสินค้าของทาง KG ได้รับความไว้วางใจอย่างมากจากบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำระดับประเทศ และยังคงให้ความไว้วางใจซื้อหินดินทรายกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการันตีได้อย่างดีเลยว่า เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและไว้วางใจได้ขนาดไหน นอกจากสินค้าดีเยี่ยมแล้วยังพร้อมมอบเงื่อนไขด้านราคาที่พิเศษสุดให้ลูกค้าด้วย ดีแบบนี้คุณต้องนำไปพิจารณากันได้แล้ว

อยากได้สวนสวยเพิ่มความสะดุดตา เลือกหินสร้างบ้านแบบไหนถึงจะเหมาะ

       หลายคนที่มีบ้านเดี่ยวและมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง พื้นที่มีเหลือพอที่จะแบ่งทำสนามพื้นที่สีเขียว และบางคนอาจจะจัดทำเป็นสวนหินสวย ๆ สไตล์ญี่ปุ่น เพื่อใช้ตกแต่งหน้าบ้านหรือหลังบ้านให้สวยงาม และเกิดบรรยากาศที่ร่มรื่น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะช่วยให้บรรยากาศในบ้านดูสงบและน่าอยู่มากขึ้น พระเอกของงานนี้จึงอยู่ที่ “หิน” จะเลือกหินสร้างบ้านแบบไหนถึงจะเหมาะกับการจัดสวนหินที่บ้าน ให้ได้ทั้งความสวยงามและราคาไม่แพงจนเกินไป เรามีคำแนะนำมาให้
 
         ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทบทวนทำความเข้าใจกันก่อนว่าหินสร้างบ้านนั้นมีอยู่หลายแบบด้วยกัน ทั้งหิน 1 หรือหินที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3/4 นิ้ว หิน 2 หินคลุก หินเกล็ด หินกรวด ซึ่งหินบางชนิดก็เป็นหินที่เหมาะกับงานก่อสร้างผสมปูนทำคอนกรีตด้วยตรงอย่าง หิน 1 และ หิน 2 สำหรับหินบางชนิดก็เหมาะสำหรับการนำไปถมที่หรือที่เขาเรียกกันว่าหินถมที่ เช่น หินคลุก หินลูกรัง กลุ่มนี้จะเป็นหินถมที่ แต่ถ้าเลือกที่จะใช้สำหรับงานจัดสวนสวย สวนหินแบบญี่ปุ่นภายในบ้านก็แนะนำให้เลือกใช้เป็นหินเกล็ดและหินกรวด สองอย่างใช้ร่วม ๆ กันได้ ก็ขึ้นอยู่กับการแบ่งโซนพื้นที่ในการจัดสวนของแต่ละคนกันไป
 
 
         ทั้งหินเกล็ดและหินกรวดนั้น จริง ๆ สามารถหาซื้อได้จากแหล่งขายหินก่อสร้างทั่วไป แต่ถ้าเทียบแล้วหินเกล็ดจะหาซื้อง่ายกว่า และมีราคาที่ถูกกว่าหินกรวด หินเกล็ดนั้นปกติจะมีการนำไปใช้งานที่หลากหลายกว่า ใช้ร่วมกับหิน 1 หิน 2 ในงานผสมปูนบ้าง ใช้ผสมกับยางมะตอยเพื่อเทพื้นทำถนนบ้าง แหล่งขายหินก่อสร้างทั่วไปจึงสต็อกหินเกล็ดไว้เยอะกว่า ส่วนหินกรวดนั้นบางร้านก็อาจจะมีหรืออาจจะไม่มีก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่บริเวณนั้นอยู่ในทำเลไหน หากพูดถึงในแง่ของความสวยงามแล้ว แน่นอนว่าหินกรวดนั้นมีความสวยงามเหมาะสมกับการนำมาใช้ตกแต่งสวนจัดสวนมากที่สุด แต่ในด้านการซื้อหาและราคาก็อาจจะยังสูงกว่าหินเกล็ด ดังนั้น จึงแนะนำว่าให้ใช้ทั้งสองอย่างคละกันไปถึงจะเหมาะสมที่สุด
 
 
         หินแต่ละแบบนั้นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป หากนำมาใช้อย่างถูกต้องและเติมไอเดียเข้าไป คุณก็จะได้บ้านที่แข็งแรงขึ้นสวยขึ้นและร่มรื่นขึ้น และถ้าคุณต้องการหินสร้างบ้านคุณภาพดีมีครบทุกรูปแบบตามที่คุณต้องการ สามารถนำมาใช้จัดสวนหินตามที่คุณต้องการได้แนะนำให้คุณมาที่ KG ศูนย์ค้าส่งหิน ดิน ทราย ที่พร้อมส่งตรงสินค้าหินดินทรายคุณภาพดีจากแหล่งผลิตต้นทางให้ถึงมือคุณ รับรองความคุ้มค่าทั้งคุณภาพและราคา และยังมาพร้อมบริการจัดส่งทุกพื้นที่ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย

การถมที่ดินบริเวณที่เป็นบ่อหรือหลุม ใช้ทรายหรือดินดีกว่ากัน

       อาจมีหลาย ๆ คนที่มีพื้นที่ที่เป็นที่ดินว่างเปล่า และคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องจัดการปรับปรุงที่ดินเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์และทำให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าดีกว่าการปล่อยที่ทิ้งไว้เฉย ๆ อยู่แล้ว จึงวางแผนไว้ว่าจะทำการซื้อดิน ทราย และหินถมที่มาจัดการถมที่ดินบริเวณนั้นให้เป็นพื้นที่ใหม่ที่ทำประโยชน์ได้มากขึ้น จะก่อสร้างเป็นสิ่งปลูกสร้างที่พักอาศัยใหม่หรือใช้ทำอะไรก็ว่ากันไป แต่ทว่าปัญหาหนึ่งที่หลายคนเจอเหมือน ๆ กันคือ พื้นที่บริเวณนั้นมีหลุมมีบ่ออยู่หลายจุด และหลุ่มบ่อก็ค่อนข้างใหญ่ แล้วการที่จะถมที่หลุมบ่อเหล่านั้นให้แน่นดินไม่ทรุดในภายหลัง ควรจะใช้ทรายเป็นหลักหรือดินเป็นหลักดี เรามีคำแนะนำมาให้
 
        หากคุณมีความประสงค์จะถมที่ดินบริเวณที่เป็นบ่อหรือหลุม แนะนำว่าให้เน้นใช้ทรายถมจะดีที่สุด ซึ่งทรายถมนั้นจะเป็นทรายที่มีดินปนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อดินถมหรือหินถมที่มาใช้อีก เป็นการประหยัดไปอีกหนี่งทาง อีกทั้งราคาทรายถมก็ไม่ได้แพงมาก จึงตอบโจทย์งานในด้านนี้ได้ตรงและดีที่สุด เหตุที่เราควรเลือกใช้ทรายถมมากกว่าดินก็เพราะว่า เม็ดทรายนั้นจะมีความเล็กละเอียดมากกว่าดิน จึงทำให้เม็ดทรายสามารถที่จะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในระหว่างช่องว่างของชั้นดินต่าง ๆ ได้ ซึ่งการแทรกตัวเข้าไปช่วยให้การอุดช่องว่างต่าง ๆ ทำได้ดี ซึ่งแตกต่างไปจากดินที่จะมีเนื้อสัมผัสหรือขนาดที่ใหญ่กว่า การอุดช่องและรูต่าง ๆ จึงอาจมีช่องว่างที่ก้อนดินไม่สามารถแทรกตัวลงไปได้นั่นเอง
 
 
         อย่างไรก็ดีการถมที่จริง ๆ ก็ต้องใช้ร่วมกันทุกอย่าง ไม่ใช่เพียงทรายถมอย่างเดียว จะมองว่าราคาทรายถมไม่แพง แล้วเลือกซื้อแต่ทรายถมมาใช้ก็อาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกอย่างเสมอไป การถมที่จริง ๆ นั้นควรใช้ทั้งหิน ดิน ทรายรวม ๆ กันไป แต่อาจจะเลือกซื้อบางอย่างมากขึ้นหน่อยตามแต่ลักษณะของพื้นที่และปัญหาที่เจอ อีกทั้งก็ต้องพิจารณาร่วมกับวัตถุประสงค์ในการถมที่ในพื้นที่นั้น ๆ ด้วยแบบนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด
 
 
ทั้งนี้ถ้าคุณกำลังจะถมที่ดินแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ทำอย่างไรถึงจะเหมาะสมสามารถใช้บริการจาก KGศูนย์จัดจำหน่ายหินดินทราย ชั้นนำที่ไม่เพียงจำหน่ายหินดินทรายเท่านั้น ยังพร้อมบริการให้คำปรึกษาเรื่องการถมที่แบบครบวงจรด้วย รับรองมาที่เดียวจบได้ทั้งบริการคำปรึกษาที่ดินและได้สินค้าที่เหมาะสมตอบโจทย์กับการใช้งานในราคาพิเศษอีกด้วย

มารู้จักคุณสมบัติเด่น ๆ ของหินคลุก ทำไมจึงดีกว่าดินลูกรัง

     หลายท่านต้องการจะทำการถมที่ดินแปลงใหญ่ ก็เลยวางแผนจะซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการถมที่อย่างหินถมที่จากแหล่งขายหินก่อสร้าง แต่ทว่าก็อาจได้รับคำแนะนำว่าควรใช้หินและดินให้เหมาะสมกับการถมที่ ซึ่งก็ทำให้ลังเลว่าจะลงทุนไปกับหินคลุกหรือดินลูกรังดีกว่ากัน เพราะหลาย ๆ คำแนะนำชี้ให้เห็นว่าหินดังกล่าวน่าใช้และเหมาะกับงานถมที่มากกว่าลูกรัง ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่าทำไมหินดังกล่าวจึงน่าสนใจกว่า
 
1.สามารถใช้ได้เลยไม่จำเป็นต้องนำมาผ่านกระบวนการบดอัด
       หินคลุกจัดว่าเป็นหินถมที่โดยตรง ซึ่งหินชนิดนี้ต้นกำเนิดนั้นจะเป็นหินปูน มีแร่ธาตุในตัวเองและความแข็งแกร่งในตัวเองระดับหนึ่ง เนื้อหินจึงมีความแน่นอยู่พอสมควร เวลานำมาใช้งานจึงไม่ต้องผ่านการบดอัดใด ๆ ซึ่งไม่เหมือนกับลูกรัง ซึ่งจะเป็นหินและดินที่แตกออกมาจากการระเบิดหน้าผาในอุตสาหกรรมทำเหมืองต่าง ๆ ลูกรังจะมีทั้งส่วนที่เป็นหินและดิน เนื้อจะไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกันเวลาจะนำมาใช้สำหรับการถมที่ให้พื้นที่เกิดความแน่นหนาจะต้องมีการนำมาผ่านกระบวนการบดอัดก่อน แบบนี้การใช้หินจึงสะดวกกว่าเพราะสามารถใช้ได้เลย
 
2.สามารถแทรกซึมเข้าไปในช่องว่างต่าง ๆ ได้ดีกว่า
        หินถมเป็นหินที่จะมีขนาดคละ ๆ กันไป ใหญ่บ้างเล็กบ้าง รูปทรงก็จะแตกต่างกันไปด้วย บางก้อนกลม บางก้อนเหลี่ยม บางก้อนก็เรียว ซึ่งลักษณะที่มีความแตกต่างกันนี่เองทำให้เกิดจุดเด่นในการอุดช่องว่างต่าง ๆ โดยธรรมชาติ ผิดกับลูกรัง อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า หากจะให้แน่นอุดช่องว่างต่าง ๆ ได้จะต้องนำมาบดอัดให้แน่นก่อนใช้
 
 
3.สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่า
         ลูกรังนั้นชัดเจนว่าเหมาะกับการใช้ถมที่อย่างเดียว แต่ในส่วนของหินถมที่นั้น นอกเหนือจากการใช้ถมที่แล้ว ยังสามารถนำมาเป็นองค์ประกอบในการทำอิฐบล็อกได้ด้วย จึงมีประโยชน์และใช้งานได้หลายด้านมากกว่า หากคุณคิดว่าจะซื้อมาทำงานก่อสร้างที่หลากหลายมากกว่าการถมที่ การลงทุนกับหินตรงนี้ก็น่าจะคุ้มค่ามากกว่านั่นเอง
 
 
       นี่คือความโดดเด่นของหินคลุกที่เหนือกว่าน่าใช้กว่าลูกรัง แต่อย่างไรก็ดีการใช้สำหรับงานถมที่ก็สามารถที่จะใช้ทั้งสองอย่างผสมและคละกันไปได้ เพื่อลดต้นทุนประหยัดค่าใช้จ่ายในงานก่อสร้างและให้ได้งานที่เหมาะสม หากคุณต้องการผู้ช่วยในเรื่องการถมที่ต้องการหาวัสดุอุปกรณ์อย่างหินดินทรายราคาไม่แพง พร้อมจำหน่ายให้คุณในราคาขายส่ง ก็ให้ตรงมาที่ KG ประสบการณ์ร่วม 20 ปี ด้านหินดินทรายที่คุณมั่นใจได้ ไม่เพียงเรื่องของสินค้าที่มีคุณภาพดีมีมาตรฐาน ยังมีบริการจากทีมงานที่เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการถมที่ให้กับคุณด้วย ดีแบบนี้ต้องเก็บไว้พิจารณาเลย
 

เราเที่ยวด้วยกันกับ KG ฟรี!! โรงแรม 5 ดาว ที่ The Chill Resort & Spa, Koh Chang 3 วัน 2 คืน

เราเที่ยวด้วยกันกับ KG ฟรี!! โรงแรม 5 ดาว

ที่ The Chill Resort & Spa, Koh Chang 3 วัน 2 คืน

เพียงมียอดซื้อ 50,000 บาท ต่อเนื่อง 4 เดือน หรือ ยอดรวม 200,000 ขึ้นไป  ก็รับไปเลยห้องพักฟรี 3 วัน 2 คืน จากโรงแรม 5 ดาว ที่เกาะช้าง

ระยะเวลาการเริ่มสะสมยอดสั่งซื้อ: 1 มิถุนายน 2563 - 30 กันยายน 2563
ระยะเวลาการแลกรับสิทธิ์ที่พัก: วันนี้ - 31 ตุลาคม 2563
 
เงื่อนไขแคมเปญ
- มียอดสั่งซื้อที่ชำระเงินแล้วตามกำหนด หรือยอดรวม 200,000 บาทขึ้นไป ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 - 30 กันยายน 2563
- ได้รับสิทธิ์จากการลงทะเบียนในโครงการ "เราไปเที่ยวกัน" และมีแอป "เป๋าตัง"
- รับสิทธิ์เข้าพักฟรี ที่ The Chill Resort & Spa, Koh Chang ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
- รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าห้องพัก 40% ตามเงื่อนไขโครงการ "เราไปเที่ยวกัน" 
- KG จะจ่ายเงินค่าที่พัก 60% คืนให้ โดยให้เป็นคูปองส่วนลด สำหรับการซื้อสินค้าในครั้งต่อๆ ไป
- สามารถเข้าพักได้ที่ The Chill Resort & Spa, Koh Chang ตั้งแต่ วันนี้ - 31 ตุลาคม 2563 เป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
    สำหรับ 2 ท่าน ต่อห้อง (ฟรีอาหารเช้า) 
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชัน หรือส่วนลดอื่นๆ ได้  
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
 
วิธีการตรวจสอบยอดสั่งซื้อสะสม
- เริ่มสะสมยอดซื้อที่ชำระเงินตามกำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 - 30 กันยายน 2563
- สามารถสอบถามยอดสั่งซื้อผ่านเจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 02-951-5533 หรือ Line Official Account: @kgsand
 
วิธีการแลกรับสิทธิ์ห้องพัก
- สามารถใช้สิทธิ์ผ่านเจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 02-951-5533 หรือ Line Official Account: @kgsand
 
เงื่อนไขการแลกสิทธิ์ห้องพัก
- มียอดซื้อครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ของประเภทห้องพักที่เลือก
- ได้รับสิทธิ์จากการลงทะเบียนในโครงการ "เราไปเที่ยวกัน" และมีแอป "เป๋าตัง"
- จองห้องพักโดยตรงผ่านเจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 02-951-5533
- ผู้ใช้สิทธิ์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นทั้งหมด
- รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าห้องพัก 40% ตามเงื่อนไขโครงการ "เราไปเที่ยวกัน"
- ทาง KG จะจ่ายเงินค่าที่พัก 60% คืนให้ โดยให้เป็นคูปองส่วนลด สำหรับการซื้อสินค้าในครั้งต่อๆ ไป
- สามารถเข้าพักได้ที่ The Chill Resort & Spa, Koh Chang ตั้งแต่ วันนี้ - 31 ตุลาคม 2563 เป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
    สำหรับ 2 ท่าน ต่อห้อง (ฟรีอาหารเช้า)
- ราคาเตียงเสริม 1,500 บาท ต่อคน ต่อห้อง/คืน (รวมค่าอาหารเช้าแล้ว)
- เด็กอายุต่ำกว่า 0-6 ปี เข้าพักฟรี
- เด็กอายุ 7-12 ปี มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม คนละ 450 บาท ต่อห้อง/คืน (รวมค่าอาหารเช้าแล้ว)
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
 
วิธีการรับคูปองส่วนลดเงินคืน
- แสดงหลักฐานการจองโรงแรมผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐฯ ได้ที่ Line Official Account: @kgsand
- หลังจากตรวจสอบข้อมูล ทางเจ้าหน้าที่จะส่งรหัส E-Coupon มูลค่าตามจำนวน 60% ที่จองห้องพักไปให้
- รหัส E-Coupon จะเริ่มใช้ได้หลังเข้าพักจากโรงแรม
 
เงื่อนไขการใช้ คูปองส่วนลด KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย
- สามารถใช้คูปองโดยแจ้งผ่านเจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 02-951-5533 หรือ Line Official Account: @kgsand
- สามารถใช้คูปองส่วนลดได้ไม่เกิน 500 บาทต่อหนึ่งการสั่งซื้อ
- คูปองส่วนลดจะหมดอายุวันที่ 31 ธันวาคม 2564
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 100 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 4.5 คิว
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 200 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 4.5 คิว
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 300 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 9 คิว
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 500 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 9 คิว
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 02-951-5533 หรือ Line Official Account: @kgsand
ในวันทำการ เวลา 8.00 - 17.00 น.
 
 

หินเบอร์ 1 หินเบอร์ 2 แบบไหนเหมาะกับงานก่อสร้าง

หินสำหรับงานก่อสร้าง คือ หินอีกประเภทหนึ่งที่แตกต่างไปจากหินสวยงามทั่วๆ ไป โดยหินก่อสร้างจะถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้างบ้านเรือน ถนน อาคาร หรือสะพานต่างๆ อีกทั้งหินก่อสร้าง จะถูกนำมากับผสมปูนเพื่อทำคอนกรีต คุณสมบัติหลักๆ จึงต้องทนต่อการขัดสีได้ดี มีความแกร่งสูง ทนต่อแรงกดอัดได้มาก และไม่เสื่อมสภาพง่ายๆ เมื่อเจอกับสารเคมี เพื่อสะดวกในการนำไปใช้งานต่อไป ซึ่งหลักๆ จะมี หินเบอร์ 1 หรือ หิน 1, หินเบอร์ 2 หรือ หิน 2 และจะมีหินเกล็ดด้วยเช่นกัน

หินที่จะใช้สำหรับงานก่อสร้างที่ดี และมีคุณภาพ จะต้องมีความซึมน้ำต่ำ ผิวยึดเกาะกับซีเมนต์ได้ดี และมีปริมาณสารอินทรีย์ในเนื้อหินน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อนำมาใช้ทำคอนกรีตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั้ง หิน 1, หิน 2 และ หินเกล็ด คือหินที่มีคุณลักษณะเหมาะกับงานก่อสร้างที่สุด
 

หินเบอร์ 1 (หิน 1)

 

ลักษณะหินเบอร์ 1

หินเบอร์ 1 หรือ หิน 1 หรือ หิน ¾ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ¾ นิ้ว ถึง 1 นิ้ว โดยหินเบอร์ 1 จะเหมาะกับการใช้ในการก่อสร้างมากกว่าหินเกล็ด เช่น ผสมทำเป็นปูนซีเมนต์ เทพื้นคอนกรีต หรือหล่อเสา
 

ราคาหินเบอร์ 1 

หินเบอร์ 1 ราคาอยู่ที่ 500 – 600 บาทต่อคิว ซึ่งราคาจะเทียบเท่าหินเบอร์ 2 และหินเกล็ด
 
หินเบอร์ 1 หินเบอร์ 2
 

หินเบอร์ 2 (หิน 2)

 

ลักษณะหินเบอร์ 2

หินเบอร์ 2 หรือหิน 2 เป็นหินคุณภาพสูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว เหมาะสำหรับงานเทพื้นในที่กว้าง และหน้างานที่ต้องการการรับน้ำหนักมากๆ เพราะหินเบอร์ 2 มีขนาดโครงสร้างที่ใหญ่กว่าหินเบอร์ 1 และหินเกล็ด
 

ราคาหินเบอร์ 2

หินเบอร์ 2 ราคาอยู่ที่ 500 – 600 บาทต่อคิว ซึ่งราคาจะเทียบเท่าหินเบอร์ 1 และหินเกล็ด
 
หินเบอร์ 1 หินเกล็ด
 

หินเกล็ด

 

ลักษณะหินเกล็ด

หินเกล็ด เป็นหินที่มีขนาดเล็ก (3/8 นิ้ว) เหมาะสำหรับงานผสมคอนกรีตที่ใช้ในพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ หินเบอร์ 1 หรือ หินเบอร์ 2 ได้ เช่น เทเอ็นทับหลัง และเป็นส่วนผสมของยางมะตอย งานก่อสร้างทั่วไป ลาดปูพื้น ปูพื้นสวนหย่อม ตกแต่งสวน หรือโรยทางเดิน
 

ราคาหินเกล็ด

หินเกล็ดราคาอยู่ที่ 500 – 600 บาทต่อคิว ซึ่งราคาจะเทียบเท่า หินเบอร์ 1 และหินเบอร์ 2
 
หินก่อสร้างทั้ง 3 แบบที่กล่าวมานี้ มีลักษณะที่ต่างกัน และการใช้งานโดยรวมก็ต่างกัน อีกทั้งทั้งหินเบอร์ 1 หินเบอร์ 2 และหินเกล็ดมีราคาที่ไม่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นคุณควรเลือกสั่งหินก่อสร้างที่เหมาะกับการใช้งานจะดีที่สุดครับ
 
หากคุณกำลังมองหาที่สั่งหินก่อสร้าง สั่ง หินเบอร์ 1 สั่งหินเบอร์ 2 หรือสั่งหินเกร็ด KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย ยินดีให้บริการครับ
 
 
 
 

หินคลุก เหมาะสมกับการนำมาใช้ในงานก่อสร้างแบบไหนบ้าง

สำหรับงานก่อสร้างแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่า มีงานแบ่งแยกย่อยออกไปได้หลายสาขา ทั้งงานก่ออิฐฉาบปูน งานด้านโครงสร้างอาคาร งานฉาบตกแต่ง รวมไปถึงงานการถมที่และปรับปรุงพื้นที่ถนนหนทางด้วย สำหรับสิ่งสำคัญในงานก่อสร้างนอกจากเรื่องของฝีมือแรงงานแล้ว วัสดุอุปกรณ์ก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากเหมือนกันในงานก่อสร้าง การจะเลือกซื้อหินดินทราย หรือปูนในการก่อสร้าง จึงต้องพิจารณาความเหมาะสมในหลายเรื่อง อย่างถ้าไปที่แหล่งขายหินก่อสร้าง เรามักจะได้เห็นหินอยู่ชนิดหนึ่ง นั่นคือ “หินคลุก” แต่หินชนิดนี้ก็มักไม่ได้ถูกนำมาใช้กับงานก่อสร้างทั่วไป แล้วแหล่งขายหินก่อสร้างทำไมถึงมาจำหน่ายด้วยนะ ไปทำความรู้จักหินคลุกเพิ่มเติมกันดีกว่า

ลักษณะหินคลุก
   หินคลุกนั้นจะเป็นหินประเภทหินปูน มีขนาดและรูปร่างของเม็ดหินแต่ละเม็ดที่คละกัน คือ ขนาดและรูปร่างจะไม่สม่ำเสมอ เล็กบ้างใหญ่บ้าง กลมบ้าง ยาวรีบ้าง ด้วยที่มีขนาดและรูปร่างคละกันนี่เอง ทำให้ความสมบูรณ์ของแร่ธาตุในเนื้อหินเกิดความไม่สม่ำเสมอ ทำให้จำเป็นจะต้องมีการนำหินชนิดนี้มาแบ่งเกรดย่อยลงไปอีกเพื่อที่จะได้เหมาะกับการนำไปใช้งาน ซึ่งโดยปกติแล้วด้วยความที่มีแร่ธาตุในเนื้อหินไม่คงที่นี่เอง จึงทำให้หินคลุกไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในงานก่อสร้างในกลุ่มงานโครงสร้างก่ออิฐถือปูน หรือการนำมาผสมกับปูน เพราะจะทำให้ปูนไม่เป็นเนื้อเดียวกัน และปูนจะไม่เกาะกันแน่นตามที่ต้องการ ซึ่งนั่นจะทำให้การก่อสร้างไม่เกิดความแข็งแรงนั่นเอง

 
 
   แต่บทบาทและหน้าที่สำคัญของหินคลุกก็คือ การใช้เป็นหินถมที่ ทำให้หลายคนเรียกหินคลุกว่าหินถมที่นั่นเอง โดยปกติแล้วก็จะมีการนำหินชนิดนี้ไปใช้ร่วมกับดินลูกรัง นำมาคละผสมกันและนำไปใช้ถมที่สำหรับทำถนนหนทาง บางคนก็ทำการปรับพื้นที่บริเวณที่พักอาศัย ใช้ปรับพื้นทำลานจอดรถก็ได้ นอกจากคุณสมบัติในเรื่องของการใช้ถมที่ทำทางแล้ว หินชนิดนี้ยังสามารถนำไปใช้กับก่อทำอิฐบล็อกได้ด้วย ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญไม่น้อยในงานก่อสร้างเหมือนกันนะ
 
ราคาหินคลุก
   หินคลุกจะมีราคาต่ำกว่าหินก่อสร้างทั่วไป โดยจะอยู่ที่ประมาณ 450 – 550 บาท ต่อคิว
 
   ดังนั้น หินคลุกจึงเหมาะสมกับการใช้ในงานถมที่ หากใครคิดที่จะถมที่ดินของตนเองเร็ว ๆ นี้ก็เตรียมเลือกหินคลุกไว้ใช้ได้เลย ถ้าคุณยังไม่รู้จะไปหาซื้อหินคลุกให้ได้ราคาดี ๆ ที่ไหน มาเลยที่ KG ศูนย์ค้าส่งหินดินทราย พร้อมนำเสนอสิ่งดี ๆ ที่คุณต้องการ ทั้งหินดินทรายสำหรับงานก่อสร้าง ราคาก็ดี คุณภาพก็เยี่ยม เปี่ยมด้วยมาตรฐานและความคุ้มค่า แถมพร้อมส่งมอบให้คุณทุกคนถึงหน้างาน หนึ่งทางเลือกดี ๆ ที่คุณควรเก็บไว้พิจารณา
 
โทร : 02-951-5533 | Line : @kgtd

KG Reward

KG Reward 2566

สะสมคะแนน แลกของรางวัลพรีเมี่ยมสุดพิเศษ ทุก ๆ ยอดสั่งซื้อ 100 บาท รับ 1 คะแนน

ระยะเวลาการสะสมคะแนน: 1 มกราคม 2566 - 31 ธันวาคม 2566
ระยะเวลาการแลกรับของรางวัล: สามารถแลกใช้คะแนนได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567
 
รายละเอียดรางวัลและเกณฑ์คะแนนสะสม
 
รางวัลที่ 1 :  มอเตอร์ไซต์ NEW Grand Filano Hybrid [52,000 คะแนน]
 
รางวัลที่ 2 : โทรศัพท์มือถือ iPhone หรือ  Samsung  [34,000 คะแนน]
 
รางวัลที่ 3 : สมาร์ททีวี 55 นิ้ว SAMSUNG [22,000 คะแนน]
 
รางวัลที่ 4 : หม้อทอดไร้น้ำมัน Electrolux [6,500 คะแนน]
 
รางวัลที่ 5 : แอร์เคลื่อนที่ Hatari  [2,500 คะแนน]
 
รางวัลที่ 6 : นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ Amazfit [1,500 คะแนน]
 
รางวัลที่ 7 : คูปองส่วนลด KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย มูลค่า 500 บาท [500 คะแนน]
 
รางวัลที่ 8 : คูปองส่วนลด KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย มูลค่า 300 บาท [300 คะแนน]
 
รางวัลที่ 9 : คูปองส่วนลด KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย มูลค่า 200 บาท [200 คะแนน]
 
รางวัลที่ 10 : คูปองส่วนลด KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย มูลค่า 100 บาท [100 คะแนน]
 
คะแนนสะสม KG Reward 2566
- ทุกๆยอดสั่งซื้อที่ชำระเงินตามกำหนด ซื้อครบ 100 บาท รับ 1 คะแนน
- เริ่มสะสมคะแนนเมื่อมียอดสั่งซื้อที่ชำระเงินแล้ว ครบ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 - 31 ธันวาคม 2566
- คะแนนสะสมจะหมดอายุวันที่ 1 เมษายน 2567
- เก็บคะแนนจากยอดสั่งซื้อสุทธิภายในปี 2566 ที่มีการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ก่อนรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
 
วิธีการตรวจสอบคะแนนสะสม
- ทาง KG ศูนย์ค่าส่ง หิน ดิน ทราย จะมีการแจ้งคะแนนสะสมของลูกค้าเป็นระยะ
- สามารถสอบถามคะแนนสะสมผ่านเจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 091-890-5555 หรือ Line Official Account: @kgtd
 
เงื่อนไขการแลกของรางวัล
- สามารถแลกใช้คะแนนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 - 31 มีนาคม 2567 และสามารถแลกของรางวัลได้ตามจำนวนคะแนนที่ได้รับ
- รางวัลนี้ไม่สามารถซื้อ-ขาย หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
- บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและปรับเปลี่ยนของรางวัลในมูลค่าใกล้เคียงกันโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
 
เงื่อนไขการใช้ คูปองส่วนลด KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 100 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 4.5 คิว
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 200 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 4.5 คิว
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 300 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 9 คิว
- ขั้นต่ำในการใช้คูปองส่วนลด 500 บาท ต้องมีการสั่งซื้อ ไม่ต่ำกว่า 9 คิว
- คูปองส่วนลดจะหมดอายุวันที่1 เมษายน 2567
- สามารถใช้คูปองส่วนลดได้ไม่เกิน 500 บาทต่อหนึ่งการสั่งซื้อ
- สามารถใช้คูปองโดยแจ้งผ่านเจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 091-890-5555 หรือ Line Official Account: @kgtd
 
วิธีการแลกรับของรางวัล
- สามารถแลกรับของรางวัลผ่านเจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 091-890-5555 หรือ Line Official Account: @kgtd
 
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ Call Center โทร. 091-890-5555 หรือ Line Official Account: @kgtd
ในวันทำการ เวลา 8.00 - 17.00 น.
 
 

ทรายถุง ทรายกันน้ำท่วม

ทรายถุงกันน้ำท่วม ขนาด 15 กิโลกรัม ราคาพิเศษ 40 บาทต่อถุง *ราคา ณ วันที่ 1 กันยายน 2565

การจัดส่งสินค้า

● จัดส่งฟรีในระยะ 20 กิโลเมตรแรก

● จัดส่งในระยะ 20 - 30 กิโลเมตร คิดอัตราเหมา 200 บาท

● จัดส่งในระยะ 30 - 40 กิโลเมตร คิดอัตราเหมา 300 บาท

● จัดส่งในระยะ 40 - 50 กิโลเมตร คิดอัตราเหมา 400 บาท

● ราคานี้รวมค่าบริการขนลง ยกเข้าบ้านไม่เกิน 5 เมตร

● ระยะการจัดส่งคำนวณจากศูนย์ค้าส่ง KG ทั้ง 8 สาขาที่ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังนี้

- ศูนย์รังสิต https://goo.gl/maps/hG7nQoBhCmm9xGDz9

- ศูนย์รามอินทรา https://goo.gl/maps/qJRd88QJ9GzLF6878

- ศูนย์ลาดกระบัง https://goo.gl/maps/Q2XuWpg3TYu6eL9z8

- ศูนย์สุวินทวงศ์ https://goo.gl/maps/4igBUDdGSuvgDjQG6

- ศูนย์ปากน้ำ https://goo.gl/maps/M5zBqbQf1CEAZiEx6

- ศูนย์เทพารักษ์ https://goo.gl/maps/zHCYmSV6VAnTpLoX6

- ศูนย์บางพลี https://goo.gl/maps/Lr6DFV8qVGAj2u4v6

- ศูนย์ราชพฤกษ์ https://goo.gl/maps/U2SYcAG9Md9kiP4Z7 - ศูนย์ราชพฤกษ์ https://goo.gl/maps/U2SYcAG9Md9kiP4Z7 KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย สินค้าคุณภาพ ตรงสเป็ค เต็มคิวมาตรฐานตาชั่ง เลือกวันส่งได้ตามใจคุณ จัดส่งครอบคลุมทุกพื้นที่ กรุงเทพ-ปริมณฑล พร้อมศูนย์บริการลูกค้า 8 สาขา ใกล้คุณ จำหน่ายทรายก่อสร้าง หินก่อสร้าง ทรายถุง หินถุง หินเกล็ด หินคลุก หิน1 หิน2 ดิน ดินถม หน้าดิน ลูกรัง ทรายหยาบ ทรายละเอียด ทรายถม ทรายขี้เป็ด ถังน้ำบนดิน ถังบำบัดน้ำเสีย ถังดักไขมัน วัสดุงานคอนกรีต วัสดุงานก่อสร้าง เทพื้น รับถมที่โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี

สนใจสั่งทรายถุงกันน้ำท่วม
โทร: 02 951 5533
หรือแอดไลน์ @kgtd

KG หิน ดิน ทราย ศูนย์ค้าส่งที่ "ถูกจริง เต็มคิว ส่งไว"


 

บริการถมที่ดิน ขายตามจริง ส่งทันใจ กับ KG

KG ศูนย์ค้าส่ง หิน ดิน ทราย มีบริการถมที่ดิน ขายตามจริง ส่งทันใจ ดินถม: ลักษณะดินจะเป็นสีจาง ๆ ราคาไม่แพง จะเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อยไม่เหมาะกับการใช้ปลูกต้นไม้ แต่เหมาะสำหรับการใช้ถมที่โดยตรง      สิ่งสำคัญก่อนที่จะเริ่มลงมือถมที่และตัดสินใจเลือกซื้อวัสดุต่าง ๆ มาถมที่สร้างบ้าน ต้องพิจารณาเรื่องของทำเลของที่ดินบริเวณนั้นด้วย ว่าเป็นบริเวณที่อุ้มน้ำ หรือเป็นที่ต่ำกว่าระดับน้ำหรือไม่ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยทราบกันมาบ้างว่ามีเหตุการณ์บ้านเกิดถล่มลงมาในช่วงที่ฝนตกหนัก ๆ เพราะทำเลบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ต่ำและอุ้มน้ำ รวมถึงการเลือกใช้ดินและหินถมที่ก็ไม่เหมาะสมสอดคล้องกับพื้นที่ จึงทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาได้ ซึ่งการลงทุนถมที่สร้างบ้านในลักษณะนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาดและไม่คุ้มค่าในการลงทุนอย่างยิ่งเลย การเลือกดินถมก็ควรเลือกพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพดินในบริเวณที่ดินตรงนั้นด้วย จริง ๆ แล้วสามารถใช้ได้ทั้งดินเปียกและแห้ง ดินแห้งถ้ามีการอัดให้แน่นก็สามารถใช้ได้ แต่แนะนำเบื้องต้นว่าควรพิจารณาเลือกดินเปียกเพราะจะแน่นกว่า ส่วนหินถมที่ก็ให้เลือกใช้เป็นหินคลุกผสมกับหินลูกรังก็จะทำให้พื้นที่มีความแน่นมากยิ่งขึ้น  

โทร 02 951 5533
LINE: https://lin.ee/zzOnWhz (@kgtd)
 
ผลงานการส่งดินถมที่ดินของ KG ผลงานดินถม       ผลงานดินถม    

บทความอื่นๆ